บาร์โตเมว : ชายผู้มีส่วนพิฆาต บาร์เซโลน่า – สยามกีฬา

450 ล้านยูโร คือผลต่างระหว่างรายจ่ายกับรายรับของ บาร์เซโลน่า ในด้านการซื้อ-ขายนักเตะ ภายใต้การบริหารงานของ โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว อดีตประธานสโมสร “อาซูลกราน่า” ที่ตอนนี้โดนหลายคนยกให้เป็น “ประธานฟุตบอลที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลกลูกหนัง”

    ไม่เคยมีใครคิดว่านักเตะที่อยู่กับทีมๆ หนึ่งมาแทบจะตลอดทั้งชีวิตอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ จะตัดสินใจยื่นเรื่องขอขึ้นบัญชีย้ายทีมด้วยตัวเอง แต่ เมสซี่ ก็ทำอย่างนั้นไปเมื่อปีก่อน และไม่เคยมีคนกล้าคิดว่าตำนานที่ยังเตะอยู่แบบ เมสซี่ จะถึงคราวที่ต้องอำลา บาร์เซโลน่า ในแบบที่ยังเป็นนักเตะอาชีพอยู่ แต่นั่นก็เพิ่งเกิดขึ้นไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อไม่นานมานี้

    บาร์โตเมว คือผู้ที่หลายคนชี้ว่าเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดเรื่องเหล่านั้นขึ้น แน่นอน มันอาจจะไม่ใช่ความผิดของเขาถึงระดับ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม แต่มันก็ไม่ผิดอะไรหากจะบอกว่า บาร์โตเมว มีส่วนทำให้เกิดเรื่องทั้งหมดขึ้นในระดับเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ หรืออาจจะแตะหลักนั้นด้วยซ้ำไป เพราะว่ากันว่า เมสซี่ ไม่เห็นด้วยกับแนวทางการทำทีมของ บาร์โตเมว รวมถึงมีปัญหาในด้านอื่นกันมานานแล้ว จนนำไปสู่การยื่นเรื่องขอย้ายทีมเมื่อปีก่อน

    ส่วนสาเหตุที่ทำให้ เมสซี่ ไม่ได้ไปต่อกับ บาร์เซโลน่า ในช่วงซัมเมอร์ของปีนี้ก็อย่างที่มีการแถลงกันไปแล้ว นั่นคือปัญหาเรื่องเพดานค่าเหนื่อยโดยรวมของ บาร์เซโลน่า มันสูงแบบทะลุเพดานของลีกมาพักใหญ่ ซึ่งส่วนหนึ่งมันก็มาจากการที่ก่อนหน้านี้ บาร์โตเมว ดึงนักเตะมาร่วมทัพหลายต่อหลายราย รวมถึงประเคนค่าเหนื่อยกับค่าตัวให้เป็นจำนวนมากมายนั่นเอง

    เชื่อหรือไม่ว่าตลอดช่วงที่ บาร์โตเมว ดำรงตำแหน่งเป็นประธานของ บาร์เซโลน่า นั้น สโมสรแห่งความภาคภูมิใจของชาวกาตาลุนย่าส่วนใหญ่มีผลต่างระหว่างรายจ่ายกับรายรับในด้านการซื้อ-ขาย นักเตะ แบบติดลบเกือบทุกฤดูกาล มีเพียงซีซั่น 2018-19 กับ 2020-21 เท่านั้นที่พวกเขามีเงินเข้ากระเป๋าจากการขายนักเตะได้มากกว่าจำนวนเงินที่ใช้ไปกับการเสริมทัพ

    แน่นอน ต่อให้ผลต่างจะออกมาแบบติดลบ แต่หากนักเตะเหล่านั้นเป็นเการเสริมทัพที่ดีมันก็คงไม่ใช่ปัญหาอะไร น่าเศร้าที่กรณีของ บาร์โตเมว มันไม่ใช่แบบนั้น นักเตะหลายคนที่เขาดึงมาร่วมทีมต่างก็เป็นคนที่ไม่สามารถทำผลงานที่สุดยอดตามเงินที่จ่ายไปได้

    ไม่จำเป็นต้องพูดถึงพวกที่เข้ามาด้วยค่าตัวระดับมโหฬารแต่ทำผลงานได้น่าผิดหวังอย่าง อ็องตวน กรีซมันน์ (120 ล้านยูโร), ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ (160 ล้านยูโร) หรือ อุสมาน เดมเบเล่ (135 ล้านยูโร) ก็ได้ เพราะมันมีหลายคนที่ บาร์โตเมว เซ็นเช็คจ่ายเงินในระดับ 40-50 ล้านยูโร ให้ทีมไปดึงนักเตะเหล่านั้นมา แต่พวกเขากลับเล่นได้น่าผิดหวัง ขณะที่บางรายแทบไม่ได้เป็นตัวหลักของทีมด้วยซ้ำ จนทำให้คนสงสัยกันว่า บาร์โตเมว จะจ่ายเงินไปมากขนาดนั้นเพื่ออะไรกันแน่

    โอเค ปาโก้ อัลกาเซร์ อาจจะเคยมีฤดูกาลที่โดดเด่นกับ บาเลนเซีย แต่ บาร์เซโลน่า จำเป็นต้องจ่ายเงินถึง 32 ล้านยูโร เพียงเพื่อที่จะเอาเขามาเป็นกองหน้าตัวสำรองในปี 2016 ด้วยงั้นหรือ ทั้งที่จริงๆ ตอนนั้นพวกเขาก็มี 3 แนวรุกอย่าง เมสซี่, เนย์มาร์ และ หลุยส์ ซัวเรซ อยู่แล้ว

    สุดท้าย อัลกาเซร์ ก็ได้ลงเล่นให้ บาร์เซโลน่า ไปแค่ 37 นัดในช่วง 2 ซีซั่นที่อยู่กับทีม ก่อนที่จะโดนปล่อยให้ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยืมตัวไปใช้งาน แล้วจากนั้น “เสือเหลือง” ค่อยซื้อขาดเขาที่ 23 ล้านยูโร

    หรืออย่าง เนลซอน เซเมโด้ แฟนบอล บาร์เซโลน่า บางส่วนก็ตั้งคำถามว่าทีมจะจ่ายเงินไป 30 ล้านยูโร เพื่อทำให้มีแบ็กขวาตั้ง 3 คนไปทำไมกัน และสุดท้ายฟอร์มโดยรวมของ เซเมโด้ ก็ไม่ผ่านมาตรฐานของสโมสรระดับ บาร์เซโลน่า ก่อนที่ตอนนี้เขาจะมาอยู่กับ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส

    ซัมเมอร์เดียวที่ บาร์เซโลน่า ในยุคของ บาร์โตเมว เสริมทัพได้น่าประทับใจหากพิจารณาถึงภาพรวมก็คือช่วงซัมเมอร์ ปี 2014 จากการที่ตอนนั้นพวกเขาได้นักเตะระดับ ซัวเรซ, อิวาน ราคิติช, มาร์ค-อันเดร แทร์ ชเตเก้น และ เคลาดิโอ บราโว่ มาร่วมทัพ แม้ว่าจะมีอย่างรายของ โธมัส แฟร์มาเล่น หรือ เฌเรมี่ มาติเยอ ที่เป็นการเสริมทัพที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่อยู่บ้าง แต่ภาพรวมที่ออกมาก็ยังถือว่าน่าพอใจ ซึ่งนั่นก็เป็นครั้งแรกที่ บาร์โตเมว ได้เดินเรื่องการเสริมทัพช่วงซัมเมอร์ในตำแหน่งประธานของ บาร์เซโลน่า อย่างเต็มตัวด้วย ภายหลังเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งบิ๊กบอสของทีมในช่วงเดือนมกราคมของปีเดียวกัน

    ใช่ การเสริมทัพมันก็เหมือนการแทงหวย มันมีเรื่องดวงและปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่มันก็ควรจะพลาดแบบไม่บ่อยเกินไป ซึ่งในกรณีของ บาร์โตเมว มันตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เพราะเขาเสริมทัพพลาดติดต่อกันจนมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ทีมซื้อเข้ามาแล้วทำผลงานแบบยอดเยี่ยมทันทีได้เลย จนดูเหมือนกับว่าเขาเสริมทัพอย่างไร้แบบแผนที่ชัดเจนก็ว่าได้ 

    และความผิดพลาดแบบนั้นก็ทำให้ บาร์เซโลน่า ต้องเจอกับสถานการณ์ระดับฝันร้ายอย่างในทุกวันนี้ แม้ว่า บาร์โตเมว จะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งอีกแล้วก็ตาม

   

    – เด็กเกร็ดบอล –