โควิด-19 บทเรียนนักกีฬาอาชีพ ที่ “ก้าวผ่าน” อย่างภาคภูมิ

ในแวดวงกีฬา โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนกีฬาอย่างมหาศาล การแข่งขันในรายการสำคัญต้องถูกเลื่อนการออกไป ทำให้นักกีฬาขาดรายได้และไม่มีทัวร์นาเมนต์ลงแข่งขัน เกิดผลกระทบต่อการใช้ชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นักกีฬาฟุตบอล ถือเป็นภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบไม่แพ้กัน เพราะสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ฟุตบอลไทยลีก ต้องเลื่อนการแข่งขันออกไป อีกทั้งผลพวงจากค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ที่สโมสรไม่ได้รับตามที่กำหนด เนื่องจากการเลื่อนการแข่งขันไม่เป็นไปตามข้อสัญญาที่มีการตกลงกันไว้ ผลกระทบที่ตามมาคือ สโมสรจำเป็นต้องเซฟค่าใช้จ่าย, นักฟุตบอลไม่ได้รับเงินเดือนตามปกติ บางคนต้องหันหน้าหาอาชีพเสริม

แต่ก็มีนักกีฬาที่สามารถเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสในการสร้างรายได้ อย่างเช่น “ซูลกิฟลี บือราเฮง” นักฟุตบอลสโมสรนรา ยูไนเต็ด ในวัย 30 ปี ที่ได้รับผลกระทบเมื่อการแข่งขันไทยลีก 3 ต้องหยุดแข่งขันไปนามร่วม 5 เดือน และไม่มีรายได้มาจุนเจือครอบครัว เขาจึงตัดสินใจเลือกเส้นทางที่ไม่เคยลองมาก่อน นั่นก็คือ การขายไอศกรีม

This image is not belong to us

โดยพื้นฐานแล้ว “ซูลกิฟลี” เป็นคนที่มีอัธยาศัยดี และมีความตลกอยู่ในตัว เขาจึงเลือกใส่ความเป็นตัวเองลงไป คือ การสวมชุดสไปเดอร์แมน ขับรถขายไอศกรีมให้เด็กๆ ในท้องที่จังหวัดนราธิวาส

“ซูลกิฟลี” กล่าวว่า เขาเริ่มต้นจากการสั่งชุดสไปเดอร์แมนมาจากทางออนไลน์ด้วยเงิน 600 บาท เมื่อเริ่มขายจริง ปรากฏว่า กระแสตอบรับก็ดีเกินคาด เด็กๆ และผู้ปกครองต่างชื่นชอบ และเข้ามาอุดหนุนเป็นจำนวนมาก บางวันมีรายได้จากการขายไอศกรีมราย 3-4 พันบาท นั่นจึงทำให้เขารู้สึกว่า สถานการณ์โควิด-19 แม้จะส่งผลกระทบต่ออาชีพหลัก แต่การขายไอศกรีมถือเป็นช่องทางที่สร้างรายได้ให้กับเขาไม่น้อย

This image is not belong to us
This image is not belong to us

หากเทียบแล้ว รายได้ที่เขาได้รับในช่วงโควิด-19 นับว่ามากกว่าการเตะฟุตบอลเสียอีก เพราะเจ้าตัวมีรายได้จากการขายไอศกรีม ถึงประมาณ 6-7 หมื่นบาท จนปัจจุบันเขายึดการขายไอศกรีมเป็นงานอีกหนึ่งด้าน ภายใต้ชื่อ “ไอติมสไปเดอร์แมน” ที่มีบริการรับส่งไอศกรีมถึงที่

This image is not belong to us

สิ่งที่เขาทำไม่ใช่เพราะความอยู่รอดเพียงอย่างเดียว แต่ที่ตัดสินใจลงมาทำธุรกิจนี้ เพราะเขาอยากเห็นเด็กๆ มีความสุข อีกทั้งเขาเองก็ยังมีกิจกรรมเพื่อสังคม ด้วยการแจกไอศกรีมให้กับเด็กกำพร้า หรือเเจกไอศกรีมฟรีในวันสำคัญของศาสนาอิสลาม

ถือว่า โควิด-19 เปลี่ยนชีวิตแข้งรายนี้อย่างแท้จริง แต่ชีวิตเขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

This image is not belong to us

หากมองย้อนกลับไปในเดือนพฤษภาคม กับสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกแรก ชื่อของ “มุทิตา เสนคราม” นักฟุตซอลหญิงทีมชาติไทย ชุดแชมป์ซีเกมส์ และเอเชียนอินดอร์เกมส์ 2018 เป็นชื่อที่หลายๆ คนจดจำ เพราะเธอคือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการที่ฟุตซอลลีกหญิง ไม่มีทัวร์นาเมนต์แข่งขันในช่วงเวลานั้น จนตัดสินใจผันตัวเป็นแม่ค้าขายลอตเตอรี่ ตามคุณแม่ของเธอที่ประกอบอาชีพนี้มาก่อน เงินแต่ละบาทที่ได้มานั้น ต้องแลกมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเธออย่างแท้จริง

ในช่วงเวลานั้น เธอจะออกจากที่พักในช่วงเช้า ก่อนเดินขายสลากกินแบ่งรัฐบาล และกลับที่พักในช่วงเย็น ระยะทางในแต่ละวันที่เธอต้องเดิน ประมาณ 16 กิโลเมตรต่อวัน แต่ด้วยความที่เธอเป็นนักกีฬาฟุตซอล ระยะทางจึงไม่เป็นอุปสรรคเท่าใดนัก

This image is not belong to us

เธอยอมรับว่า รู้สึกน้อยใจที่เธอเคยสร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติ แต่เมื่อถึงช่วงเวลาวิกฤติ กลับมีเพียงผู้ใหญ่ในวงการฟุตซอลที่ให้การช่วยเหลือ แต่กลับไม่ได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐเท่าใดนัก แต่เวลานั้น จะรอพึ่งให้ใครมาช่วยเหลือก็คงไม่ได้ ถ้าอายก็ไม่มีเงิน เธอจึงตัดสินใจสู้ชีวิตในสิ่งที่เธอเองก็ไม่เคยทำมาก่อน และคิดเสมอ ที่เธอมีวันนี้เพราะอาชีพขายลอตเตอรี่ของคุณแม่

This image is not belong to us

สถานการณ์โควิด-19 ทำให้เธอได้ข้อคิดว่า ในช่วงที่มีเงินในช่วงเวลาปกติ เธอใช้จ่ายเงินไปแบบไม่คิดอะไร แต่พอเจอกับวิกฤติครั้งนี้ เธอได้รับรู้ว่า เงินที่ได้มามันยากลำบากมาก ถือเป็นบทเรียนให้ชีวิตว่า ต้องใช้ชีวิตอยู่บนความพอดี และไม่ประมาท

ถึงเวลานี้ วิกฤติช่วงเวลานั้นได้ผ่านพ้นไป เธอได้รับโอกาสจากสโมสรฟุตซอลหญิงกรุงเทพมหานคร และยังคงโชว์ผลงานช่วยทีมคว้าแชมป์ฟุตซอลลีกหญิงอีกด้วย เส้นทางของเธอจากนี้ คือการเตรียมความพร้อมกับทีมชาติไทย ในการแข่งขันฟุตซอลหญิงซีเกมส์ และฟุตซอลหญิงเอเชียนอินดอร์ มาร์เชียล อาร์ตสเกมส์ ที่ประเทศไทย

This image is not belong to us

สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า การไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค เมื่อผ่านพ้นมาได้ มันจะทำให้เราเเข็งแกร่งขึ้น ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

วงการกีฬาแแม้จะเป็นหนึ่งภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่ด้วยหัวใจของนักกีฬาที่ยังพร้อมสู้กับสถานการณ์ และวิกฤติที่เกิดขึ้น นั่นคือการสร้างความภาคภูมิใจและบอกเล่าให้รุ่นลูกรุ่นหลานฟังได้ว่า ครั้งหนึ่ง พวกเขาเองก็ได้ผ่านเหตุการณ์เปลี่ยนชีวิต ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง