วันที่ : 28 มิถุนายน 2564 (เวลา 02.00 น. ของวันที่ 29 มิถุนายน เวลาประเทศไทย)
สนาม : อารีนา เนชันแนล, กรุงบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย
ถ่ายทอดสด : ช่อง NBT 2HD (หมายเลข 2)
เกมรุก
ฝรั่งเศส ของ ดิดิเยร์ เดชองส์ ผ่านเข้ารอบ 16 ทีม ในฐานะแชมป์กลุ่ม เอฟ ชนะ 1 เสมอ 2 แนวรุกยังไว้ใจได้แม้ว่ารอบแรกจะยิงประตูได้ 4 ประตูน้อยกว่า เยอรมนี 6 ประตู, โปรตุเกส 7 ประตู ขณะที่ คาริม เบนเซมา ปลดล็อกยิงให้ฝรั่งเศสได้แล้ว หลังโดนแบนไปตั้งแต่ปี 2015 คลายกดดันไปได้มาก ทำให้เกมรุกทัพตราไก่กลับมาน่ากลัวอีกครั้ง
สวิตเซอร์แลนด์ ของ วลาดิเมียร์ เพ็ตโควิช ผ่านเข้ารอบ 16 ทีม จบอันดับ 3 ของกลุ่ม เอ ซึ่งเป็นทีมอันดับสามดีที่สุดอันดับ 3 จาก 4 ทีม เกมรุกแม้ว่าจะยิงได้ 4 ประตู แต่นัดล่าสุดเรียกความมั่นใจในเกมรุกมากพอสมควรหลังเอาชนะ ตุรกี 3-1 โดยเฉพาะ เซอร์ดาน ชากิรี ที่ยิงมา 2 ประตู
คะแนน : ฝรั่งเศส 8, สวิตเซอร์แลนด์ 7
———-
เกมรับ
3 นัดในรอบแรก “ทัพตราไก่” เสียประตูใน 2 นัดล่าสุด โปรตุเกส มาจากจุดโทษทั้ง 2 ลูก ส่วน ฮังการี มาจากการเข้าทำ ซึ่งทั้งหมดมาจากที่แนวรับเสียสมาธิ ดังนั้นฝรั่งเศสคงต้องเน้นในเกมรับมากขึ้น
ส่วน สวิตเซอร์แลนด์ รอบแรกเสียประตูมาทุกนัด การเลือกเล่นแผงหลัง 3 คนอาจมีช่องให้คู่แข่งเจาะ ซึ่งการเจอกับฝรั่งเศส ต้องแพ็กเกมรับให้แน่นมากกว่าเดิม
คะแนน : ฝรั่งเศส 8, สวิตเซอร์แลนด์ 7
———-
ความแข็งแกร่ง
ฝรั่งเศส ขุมกำลังหลักยังอยู่กันครบ แต่สำรองไม่มี ลูกาส์ ดีญ กับ อุสมาน เดมเบเล ที่บาดเจ็บยาว ส่วน มาร์คัส ตูราม กับ ลูกัส แอร์กน็องเดซ รอเช็กฟิต ทำให้ฝรั่งเศสนัดนี้มีปัญหาในตำแหน่งแบ็กซ้ายพอสมควร อาจปรับมาเล่นกองหลัง 3 คน แต่ชื่อชั้นนักเตะอยู่แถวหน้าระดับโลก แต่อยู่ที่ว่านัดนี้จะงัดฟอร์มสุดยอดออกมาในตอนไหน
ส่วน สวิตเซอร์แลนด์ ไม่มีปัญหาตัวผู้เล่น นักเตะสะสมประสบกาณ์มามากพอสมควร เห็นได้จากการผ่านเข้ามาเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายในรายการใหญ่ 3 ครั้งหลังสุด ไล่ตั้งแต่ ยูโร 2016, ฟุตบอลโลก 2018 และ ยูโร 2020 แต่มักจอดป้ายเพียงรอบนี้
คะแนน : ฝรั่งเศส 85, สวิตเซอร์แลนด์ 78
———-
ฟอร์มการเล่น
ฝรั่งเศส ยังเอาตัวรอดมาได้คว้าแชมป์กลุ่มเอฟ ซึ่งถือเป็น กรุ๊ป ออฟ เดธ แต่ฟอร์มการเล่นยังดูไม่นิ่ง นัดแรกมีโชคที่ มัทส์ ฮุมเมิลส์ ของเยอรมนี ทำเข้าประตูตัวเอง ส่วนอีก 2 นัด เอาเสมอกับคู่แข่ง ดังนั้นหากพวกเขาต้องการคว้า 2 แชมป์ระดับเมเจอร์ใหญ่ติดต่อกันต้องเร่งฟอร์มเก่งออกมาให้มากกว่านี้ ซึ่ง 10 นัดหลังสุดพวกเขาไม่แพ้ใคร โดยความปราชัยครั้งสุดท้ายย้อนไปเมื่อปี 2020 แพ้ ฟินแลนด์ 0-2 เกมอุ่นเครื่อง
สวิตเซอร์แลนด์ 10 นัดหลังสุด แพ้ไปเกมเดียวเท่านั้นก็คือการพ่ายแพ้ให้กับ อิตาลี ที่ฟอร์มแรงในรอบแบ่งกลุ่ม ส่วนนอกจากนั้นเป็นการพบกับทีมในระดับเดียวกันหรือต่ำกว่า
คะแนน : ฝรั่งเศส 80, สวิตเซอร์แลนด์ 76
———-
แท็กติก
ฝรั่งเศส แท็กติกคือการครองบอลและบุกเข้าใส่คู่แข่ง แต่ที่ผ่านมายังคงหาจุดที่ลงตัวไม่ได้ แต่ก็อุ่นใจได้บ้างเมื่อ คาริม เบนเซมา เรียกความมั่นใจได้ในนัดก่อน ส่วนอีกคนที่ ดิดิเยร์ เดชองส์ อยากให้องค์ลงสักทีก็คือ คีเลียน เอ็มบัปเป ที่ฟอร์มยังไม่มาในยูโรหนนี้
สวิตเซอร์แลนด์ หวังพึ่ง 3 แนวรุกให้เรียกฟอร์มเก่งทั้ง เซอร์ดาน ชากิรี, บรีล เอ็มโบโล, ฮาริส เซเฟโรวิช แต่ถือเป็นเรื่องที่ดีเมื่อทั้ง 3 ทำประตูในยูโรครั้งนี้ได้แล้ว หากพวกเขาใช้โอกาสที่มีอยู่แล้วไม่พลาด เชื่อว่าก็มีโอกาสน็อกฝรั่งเศสได้
คะแนน : ฝรั่งเศส 80, สวิตเซอร์แลนด์ 77
———-
ขวัญกำลังใจ
ทัพตราไก่ ขวัญกำลังใจดีไม่น้อย เมื่อผ่านงานยากจบกรุ๊ป ออฟ เดธ ในฐานะแชมป์กลุ่ม อีกทั้งสถิติที่ผ่านมาสวิตเซอร์แลนด์ ยังไม่เคยชนะ ฝรั่งเศส ได้ในเกมอย่างเป็นทางการ เสมอ 4 แพ้ 2
ขุนพลนาฬิกา ผลงานไม่ขี้เหร่ในทัวรนาเมนต์นี้แม้ว่าจะโดนอิตาลีถล่มมา 0-3 ผ่านมาถึงตรงนี้ไม่มีอะไรจะเสียลงเล่นในนัดนี้ในสภาะที่กดดันน้อยกว่าฝรั่งเศส อีกทั้ง 5 นัดหลังสุดที่ดวลกับฝรั่งเศส แพ้ 1 ครั้ง เสมอ 4 ครั้ง ซึ่งนัดล่าสุดพบกันในศึกยูโร 2016 รอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้าย เสมอกันไปแบบไม่มีสกอร์
คะแนน : ฝรั่งเศส 85, สวิตเซอร์แลนด์ 80
———-
คะแนนรวม : ฝรั่งเศส 83 / ออสเตรีย 78
———-
เฮด-ทู-เฮด (พบกัน 38 ครั้ง)
ฝรั่งเศส ชนะ 16
เสมอ 10
สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ 12
———-
ผลงาน 3 นัดล่าสุด
ฝรั่งเศส (ยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอฟ)
ชนะ เยอรมนี 1-0
เสมอ ฮังการี 1-1
เสมอ โปรตุเกส 2-2
สวิตเซอร์แลนด์ (ยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอ)
เสมอ เวลส์ 1-1
แพ้ อิตาลี 0-3
ชนะ ตุรกี 3-1
———-
สกอร์ที่คาด : ฝรั่งเศส ชนะ 2-1