ยิ่งใหญ่เกินคำบรรยายจริงๆ สำหรับ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ ที่คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร 137 ปี หลังจากเอาชนะ เชลซี 1-0 ในเกมรอบชิงฯ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งแน่นอนว่า มีเกร็ดและสถิติที่น่าสนใจเกิดขึ้นมากมาย แต่จะมีอะไรบ้างนั้น เรามาดูกัน
– ตลอดทั้งเกมรอบชิงฯ ครั้งนี้ เลสเตอร์ ซิตี้ มีโอกาสยิงทั้งหมด 6 ครั้ง ตรงกรอบแค่หนเดียว ซึ่งนั่นก็คือลูกยิงของ ยูริ ตีเลอมันส์ ที่เป็นประตูชัย
– นี่คือสกอร์ 1-0 หนที่ 45 ในนัดชิงฯ เอฟเอ คัพ ซึ่งถือเป็นสกอร์ที่เกิดขึ้นในนัดชิงฯ บอลถ้วยรายการนี้ มากกว่าสกอร์อื่นๆ อย่างน้อย 20 ครั้ง
– เลสเตอร์ ได้แชมป์ เอฟเอ คัพ สมัยแรก จากการเข้าชิงฯ เป็นหนที่ 5
– เลสเตอร์ เป็นสโมสรลำดับที่ 44 ที่ได้แชมป์ เอฟเอ คัพ โดย อาร์เซน่อล ได้มากสุด 14 สมัย
– นอกจากนี้ เลสเตอร์ ยังเป็นสโมสรแรก ที่ได้ชื่อว่าเป็นแชมป์ เอฟเอ คัพ สมัยแรก นับตั้งแต่ วีแกน แอธเลติก เมื่อฤดูกาล 2012/13 (รอบชิงฯ ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0)
– เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือ เลสเตอร์ ถือเป็นผู้จัดการทีมคนแรก ที่ได้แชมป์ เอฟเอ คัพ ทั้งที่ อังกฤษ และ สกอตแลนด์ นับตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ได้แชมป์ สกอตติช คัพ 4 สมัย กับ อเบอร์ดีน และแชมป์ เอฟเอ คัพ 5 สมัย กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยก่อนหน้านี้ ร็อดเจอร์ส เคยพา เซลติก ได้แชมป์ สกอตติช คัพ 2 สมัย (ซีซั่น 2016/17 และ 2017/18)
– แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ยอดนายทวาร เลสเตอร์ เป็นผู้รักษาประตูคนแรก ที่ได้ชูโทรฟี่แชมป์ เอฟเอ คัพ ในฐานะกัปตันทีม นับตั้งแต่ เดวิด ซีแมน (อาร์เซน่อล) เมื่อฤดูกาล 2002/03
– เวส มอร์แกน เซนเตอร์แบ็กจอมเก๋า เลสเตอร์ ถือเป็นผู้เล่นเอาท์ฟิลด์ (ทุกตำแหน่งที่ไม่ใช่ผู้รักษาประตู) อายุมากสุด (37 ปี กับ 114 วัน) ที่ลงเล่นนัดชิงฯ เอฟเอ คัพ นับตั้งแต่ เท็ดดี้ เชอริงแฮม (40 ปี กับ 41 วัน) ที่ลงเล่นให้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ดวล ลิเวอร์พูล ในเกมรอบชิงฯ เมื่อฤดูกาล 2005/06
– ยูริ ตีเลอมันส์ กองกลาง เลสเตอร์ เป็นนักเตะชาวเบลเยียมรายที่ 3 ที่ทำประตูในเกมรอบชิงฯ เอฟเอ คัพ ได้ ต่อจาก เอแด็น อาซาร์ (ซีซั่น 2017/18) และ เควิน เดอ บรอยน์ (ซีซั่น 2018/19) ซึ่งทั้งสองต่างได้แชมป์กับ เชลซี และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตามลำดับ
– นอกจากนี้ ตีเลอมันส์ ยังเป็นนักเตะ เลสเตอร์ คนแรก ที่ทำประตูในเกมนัดชิงฯ เอฟเอ คัพ ได้ นับตั้งแต่ เคน คีย์เวิร์ธ เมื่อฤดูกาล 1962/63 (แต่สุดท้ายแพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-3)
– เชลซี เป็นสโมสรแรกที่แพ้ในรอบชิงฯ เอฟเอ คัพ 2 ฤดูกาลติด นับตั้งแต่ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่ปราชัยรวดในฤดูกาล 1997/98 และ 1998/99
– โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ หัวหอกจอมเก๋า เชลซี ลงเล่นนัดชิงฯ เอฟเอ คัพ เป็นหนที่ 6 ซึ่งนับตั้งแต่ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีแค่ แอชลี่ย์ โคล (8 ครั้ง), ไรอัน กิ๊กส์ (8 ครั้ง) และ รอย คีน (7 ครั้ง) เท่านั้น ที่ลงเล่นมากกว่า
– Subinho –
ไม่ได้มีบ่อย! “เจมี่ วาร์ดี้” ดาวยิงเลสเตอร์ไม่ยอมออกจาก เวมบลีย์ แต่เลือกจะไปพูดคุยกับแฟนๆ ถึงความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ของสโมสร
Add friend ที่ @Siamsport