หลังจากที่ โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส ตกชั้นสู่ ลีกวัน เมื่อปี 2016 แนต ฟิลลิปส์ ในวัย 19 ปีตัดสินใจเลือกทุนการศึกษาที่ตัวเองมีอยู่ เพื่อไปเรียนต่อที่ มหาวิทยาลัยนอร์ธ แคโรไลน่า, สหรัฐอเมริกา โดยที่ตอนนั้น เขายังไม่เคยเซ็นสัญญานักฟุตบอลอาชีพสักฉบับเลย
อย่างไรก็ตาม ฟิลลิปส์ สร้างความเซอร์ไพรส์ด้วยการเซ็นสัญญากับ ลิเวอร์พูล เพียงไม่กี่วันก่อนที่เขาจะบินไป สหรัฐฯ หลังจากประสบความสำเร็จในการทำสอบฝีเท้ากับทีม”หงส์แดง”
แนต ฟิลลิปส์ ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ครั้งแรกเมื่อปี 2018 ทว่าเขาโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานจนฤดูกาล 2019/20 ฟิลลิปส์ ถูกส่งไปเล่นที่ สตุ้ทการ์ต แบบยืมตัว
ช่วงระหว่างซีซั่น 2019/20 ฟิลลิปส์ กลับมายัง ลิเวอร์พูล อีกครั้ง หลังทีมประสบปัญหาอาการบาดเจ็บตรงตำแหน่งเกมรับ และเขาได้ลงสนามเจอกับ เอฟเวอร์ตัน ในศึก เอฟเอ คัพ แล้วก็กลับไปยัง สตุ้ทการ์ต อีกครั้ง และพา “ม้าขาว” เลื่อนชั้นสู่ บุนเดสลีกา ได้สำเร็จ
เข้าสู่ช่วงซัมเมอร์ปี 2020 ดูเหมือนว่า ฟิลลิปส์ จะหมดอนาคตกับ ลิเวอร์พูล ค่อนข้างแน่ และไม่มีชื่อติดทีมในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ทว่าสาเหตุจากการบาดเจ็บของเหล่ากองหลัง กอปรไม่มีทีมไหนพร้อมคว้าตัวไปแบบถาวร ทำให้ คล็อปป์ เลือกเก็บ ฟิลลิปส์ ไว้ใช้เผื่อเป็นทางเลือกสำรอง
ฟิลลิปส์ ลงสนามเกมแรกในนัดเจอ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และเขาก็สร้างความประทับใจให้แก่เจ้านายสุดๆ จนอุทานออกมาตอนหลังจบเกม
“ว้าว ผมคงมีความสุขไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วล่ะ”
“3 ปีก่อน เขากำลังจะไปเรียนต่อที่ อเมริกา แต่วันนี้เขาได้ลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล มันเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมจริงๆ”
จนถึงปัจจุบัน ฟิลลิปส์ ลงเล่นในสีเสื้อแดงเพลิงไปแล้ว 14 นัด และเป็นหนึ่งในขุนพลหลักของ ลิเวอร์พูล ในช่วงท้ายฤดูกาล โดยกำลังจะมีคิวดวลกับ คาริม เบนเซม่า กองหน้าระดับตำนานของ เรอัล มาดริด ที่ทีมของเขาจำต้องพลิกสถานการณ์เพื่อผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้ได้
แต่กว่า แนต ฟิลลิปส์ จะก้าวมาถึงทุกวันนี้ เส้นทางของเขาไม่ได้ปูทางด้วยกลีบกุหลาบ อุปสรรคมากมายถาโถมเข้าใส่ เวลาที่เสียไปเขาชดใช้มันกลับคืนมาได้อย่างไร?
และนี่คือเรื่องราวของนักเตะพาร์ทไทม์ที่เคยถูกมองข้ามสู่ความก้าวหน้าทางอาชีพที่ไม่มีใครเหมือน
…
แนต ฟิลลิปส์ เป็นถึงลูกชายของอดีตตำนานนักเตะ โบลตัน อย่าง จิมมี่ ฟิลลิปส์ แต่ผู้เป็นพ่อก็ไม่เคยคิดว่าลูกชายของตัวเองจะมาไกลได้ถึงขนาดนี้
ไม่เว้นแม้แต่ตัวคุณพ่อ อดีตโค้ชเยาวชนของ แนต ก็แทบไม่เชื่อว่าอดีตลูกศิษย์คนนี้จะก้าวมาเป็นตัวจริงของ ลิเวอร์พูล
“ดั่งเทพนิยายเรื่องหนึ่งเลยล่ะ ไม่มีทางที่คุณจะคาดคิดแบบนี้ได้เลย” นิคกี้ สปูนเนอร์ อดีตโค้ชอะคาเดมี่ โบลตัน และดูแล ฟิลลิปส์ มาตั้งแต่อายุ 7 ขวบกล่าว
“เมื่อคุณเคยเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเด็กๆ มานาน มันก็น่ายินดีนะที่ได้เห็นพวกเขาลงเล่นฟุตบอลไม่ว่าในระดับไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กที่ฟื้นตัวกลับมาเล่นได้ดี”
“ด้วยความสัตย์จริง ถึงแม้ผมจะประหลาดใจ และการที่คุณเป็นคนนำเด็กคนนี้เข้ามา แล้วจะให้คิดว่าเขาจะได้ลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล งั้นเหรอ? บอกตรงๆ เลยว่า -ไม่-“
ขณะที่ สปูนเนอร์ คอยดูแล ฟิลลิปส์ มาตั้งแต่ทีมชุดเยาวชน ด้าน เอียน บรุนสกิลล์ ที่ตอนนี้ทำงานใน จีน เพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่ทีมชาติจีน ชุดยู-20 มุ่งหน้าสู่ โอลิมปิก เกมส์ 2024 ณ กรุงปารีส ก็เป็นคนดัน ฟิลลิปส์ ขึ้นมาเล่นในทีม โบลตัน ยู-21
และสำหรับ บรุนสกิลล์ เขาก็แปลกใจไม่แพ้ สปูนเนอร์ เช่นกันที่เห็นเส้นทางของ ฟิลลิปส์ หลังย้ายออกจาก โบลตัน
“ให้ผมคิดว่าเขาจะได้ลงเล่นในเกมระดับ แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ ลิเวอร์พูล หรือเปล่า?”
“ไม่เลย ไม่มีทาง ถ้ามีใครมาบอกแบบนี้พวกเขาต้องโกหกแน่ๆ พวกเขาไม่รู้หรอก ไม่มีใครรู้ได้แน่ๆ ” บรุนสกิลล์ ซึ่งเคยเป็นอดีตผู้เล่นเยาวชน ลิเวอร์พูล ในยุค 90 ก่อนจะผันตัวมาเป็นโค้ชเยาวชน “หงส์แดง” ในภายหลังกล่าว
“เครคิดทั้งหมดที่เขามี คือสิ่งที่เขาทำมาโดยตลอด มันเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับการเรื่องเส้นทางที่แตกต่าง”
“ฟังแล้วก็น่าชื่นใจนะที่ยังมีอีกเส้นทางที่เหลืออยู่เพื่อรองรับใครบางคนที่เริ่มต้นช้ากว่าคนอื่น”
…
ฟิลลิปส์ จัดว่าเป็นนักเตะที่เติบโตช้ากว่าคนอื่น ตอนนี้เขาอายุ 24 ปีแล้ว แต่ฤดูกาลนี้เพิ่งเป็นแค่ปีที่ 2 เท่านั้นบนเส้นทางนักเตะอาชีพ
และถึงแม้เส้นทางการเป็นนักเตะอาชีพของเขาจะดูไม่ค่อยเหมือนคนอื่น เหตุเพราะทุกวันนี้ไม่ค่อยมีใครแจ้งเกิดได้ช้าแบบเขา แต่มันก็เป็นเส้นทางที่ดูสมเหตุสมผลเมื่อพิจารณาถึงปูมหลังที่เขามี
ฟิลลิปส์ ไม่เคยได้เซ็นสัญญาแบบฟูลไทม์กับ โบลตัน และตอนอายุ 16 ปี ขณะที่เพื่อนร่วมทีมของเขาเลือกรับทุนของสโมสร โบลตัน แต่เขาเลือกเส้นทางของตัวเองด้วยการสานต่อการเรียนจนจบการศึกษาระดับเอที่ โบลตัน คอลเลจ
ถึงตรงนี้ คุณคงพอจะมองออกแล้วว่า ทำไม ฟิลลิปส์ ถึงตั้งใจที่จะไปเรียนต่อที่ สหรัฐฯ ก่อนที่จะถูก ลิเวอร์พูล ดึงตัวเข้าสู่ทีม
ฟิลลิปส์ ให้ความสำคัญกับการเรียนเป็นลำดับแรก และมีแผนที่จะไปเรียนต่อที่ อเมริกา
“ผมอยู่กับ แนต มาตั้งแต่เขาอายุ 7 ขวบหรือตั้งแต่ที่เขาอยู่เกรด 6 นั่นแหละ”
“ผมเป็นหัวหน้าของศูนย์ฝึก ดังนั้นเขาก็อยู่กับผมตั้งแต่ 7 ขวบถึง 11 ขวบ จากนั้นผมก็ไปเป็นหัวหน้าชุดเยาวชน แล้วก็ได้อยู่กับเขาอีกตอนอายุ 11-16 ปี”
“ผมอยู่กับเขาตั้งแต่เริ่มเข้าโรงเรียน แต่เขาต้องเล่นในทีมชุดยู-16 ทั้งที่เขาอยู่ในทีมชุดยู-17 เขาโชคร้ายที่โดนอาการบาดเจ็บทำให้ต้องเล่นต่ำกว่าอายุหนึ่งปี”
ฟิลลิปส์ เป็นผู้เล่นที่พัฒนาการช้า แม้เขาจะเป็นคนที่เก่ง แต่ก็ไม่เคยได้เล่นทีมตรงตามอายุ ฟิลลิปส์ ใช้เวลานานกว่าจะโตเต็มที่ เขามีรูปร่างสูงก็จริง แต่ผอมบอบบางมาก
จริงอยู่เรื่องเทคนิค ฟิลลิปส์ อยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่เรื่องสภาพร่างกายคือสิ่งที่เขาไม่สามารถควบคุมได้
และเมื่อถึงเวลาต้องได้ทุนการศึกษา ทั้ง ฟิลลิปส์ และพ่อของเขาต่างต้องการแบ่งเรื่องการเรียนและการเล่นกีฬาให้มันเท่าๆ กัน ซึ่งสุดท้ายทั้งสองคนเลือกการศึกษาเป็นลำดับแรก
“ด้วยการที่สโมสรไม่มีความแน่นอน(ปัญหาด้านการเงิน)ในตอนนั้น แนต ก็เริ่มสับสน พวกเราไม่รู้เลยว่าสโมสรจะรอดหรือเปล่า ดังนั้นเขาก็ยังอยู่ที่โรงเรียนโบลตัน และได้เล่นฟุตบอล มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วสำหรับสองอย่างนี้ และเขาก็ทำได้ดี” สปูนเนอร์ เผย
ตอนที่ ฟิลลิปส์ อยู่ในทีมชุดยู-17 เขามักจะไปร่วมซ้อมกับทีมชุดยู-18 หากวันไหนไม่มีเวลามากพอ ตกดึกก็จะลงไปซ้อมกับทีมชุดยู-16
อย่างไรก็ตาม ตอนที่เขาอายุ 17 ปี ฟิลลิปส์ ต้องพลาดลงสนามทั้งฤดูกาลจากอาการบาดเจ็บบริเวณหลัง ซึ่งทำให้การพัฒนาของเขาช้าลงยิ่งขึ้นไปอีก
และขณะที่เด็กคนอื่นๆ เริ่มเปลี่ยนสถานะการเป็นนักเตะตอนอายุ 17 ปี แต่ ฟิลลิปส์ กลับไม่ได้สิ่งนั้น เขาพลาดได้รับทุนนักเตะ 2 ปีเนื่องจากเขาเลือกเป็นเด็กนักเรียนต่อไป และไม่ได้ลงเล่นในทีมชุดยู-17 รวมถึงไม่ได้เข้าร่วมซ้อมอีกด้วย ทั้งที่เขาควรจะได้รับโอกาสนั้น
ถึงแม้จะเป็นแค่ผู้เล่นพาร์ทไทม์ แต่ ฟิลลิปส์ ก็สอดแทรกขึ้นไปติดทีมชุดยู-21 ได้สำเร็จ โดย บรุนสกิลล์ ยืนยันว่าสิ่งที่ ฟิลลิปส์ เลือกนั้นเป็นทางที่เหมาะสมแล้ว เพราะหากเขาก้าวขึ้นมาสู่ โบลตัน เลยในตอนนั้น อาจจะรู้สึกกดดันเหมือนเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นๆ ที่กังวลเรื่องอนาคตอันไม่แน่นอนเนื่องจากสถานะการเงินของทีม
“หากเขามุ่งมั่นที่จะรับทุนตอนอายุ 16 เขาก็จะกลายเป็นนักฟุตบอลแบบเต็มตัว แล้วเขาก็จะได้ลงซ้อมทุกวัน ร่างกายก็จะพัฒนาเร็วยิ่งขึ้น”
“แต่ตอนนั้นเขายังคงเลือกเรียนที่ โบลตัน คอลเลจ ซึ่งเขาก็เป็นแค่ผู้เล่นพาร์ทไทม์ แต่การเป็นผู้เล่นพาร์ทไทม์ของเขาก็ช่วยได้ในอีกด้านหนึ่ง แรงจูงใจจึงแตกต่างออกไป และทำให้เขามุ่งมั่นในทางนั้น ซึ่งบางทีนั่นคือสิ่งที่เหมาะสมกับเขาแล้ว”
“เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ยอดเยี่ยม เขาเป็นแบบนั้นมาโดยตลอด เขาเป็นคนที่ทำงานหนัก เขาต่างไปจากคนอื่นนิดหน่อย เขาฉลาดในการเล่น เขาคิดเกี่ยวกับเกมการเล่นของตัวเอง, เก่งด้านทฤษฎี ฯลฯ เป็นที่รู้กันดีว่าเขาจะไปรุ่งกับเส้นทางนั้น”
“เขาเป็นนักเตะที่ยังขาดประสบการณ์อยู่ แต่สำหรับผมแล้วผมมองว่าเขาก็เล่นไปเยอะพอตัวแล้วนะ เขาเล่นในแผนกองหลัง 3 คนเยอะในระดับหนึ่ง และหนึ่งในเป้าหมายก็คือการพัฒนาด้านเทคนิคของเขา” บรุนสกิลล์ เผย
ความสามารถด้านเทคนิคของ ฟิลลิปส์ เป็นเรื่องที่ถูกตั้งคำถาม แต่เขาก็พัฒนาขึ้นๆ ทุกเกม พิสูจน์ตัวเองให้ คล็อปป์ เห็น ซึ่ง ฟิลลิปส์ เคยบอกกับ เอ็คโค่ เมื่อปีก่อนว่าความปรารถนาที่จะพัฒนาในด้านเทคนิคเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้สโมสรตัดสินใจส่งเขาไปเล่นกับ สตุ้ทการ์ท แบบยืมตัว
“เขาเต็มที่ 100% เสมอ คุณจะเห็นการเข้าปะทะบางจังหวะ จนต้องร้อง -โอ้ย- แต่เขาก็ไม่เคยทำอะไรสะเพร่า และไม่มีเจตนาร้ายใดๆ เขาพร้อมเข้าปะทะทุกครั้ง แต่เขาก็มักจะเป็นฝ่ายชนะได้ตลอด”
“เมื่อคุณเห็นเขาในตอนนี้ กับสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้ เขาเข้าใจในเกมการเล่นมากขึ้น เขาเล่นบอลกับเท้าได้ดีกว่าที่ผู้คนคิด” สปูนเนอร์ กล่าว
…
ในสมัยที่ ฟิลลิปส์ กำลังเติบโตขึ้นมา เขามักเล่นตรงตำแหน่งฟูลแบ็ก หรือไม่ก็ปีก เขาเล่นทั้งแบ็กซ้ายและแบ็กขวา ซึ่งทำให้เขามีพัฒนาเรื่องการเล่นกับบอล
แนต ไม่เคยเล่นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟมาก่อน จนกระทั่งอายุ 17 ปี เขาลงเล่นตำแหน่งนี้ครั้งแรกในทีมชุดยู-16 นัดออกไปเยือน ท็อตแน่ม
ฟิลลิปส์ แทบไม่ค่อยได้เล่นเซนเตอร์ฮาล์ฟมากนัก ตอนที่ย้ายออกจาก โบลตัน อีกทั้งดูเหมือนยังไม่พร้อมที่จะก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่เท่าไหร่ แต่สุดท้าย ฟิลลิปส์ ก็ได้ลงเอยกับ ลิเวอร์พูล ซึ่งเป็นที่ที่เขาได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายในระยะเวลาแค่ไม่นาน
“ดูเขาในตอนนี้สิ เขาโตเป็นผู้ใหญ่ เขาได้รับประโยชน์จากการเป็นนักฟุตบอลแบบฟูลไทม์ ไม่ว่าจะความเป็นตัวตนของเขาผสมกับความทุ่มเทกับทุกๆ อย่าง เขาใส่ลงไปในการฝึกซ้อมกับการทำงานเพื่อพัฒนาร่างกาย นั่นคือสิ่งที่แตกต่างจากเดิม”
“เขาไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว เขาเติบโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่ในวันนี้ และที่สำคัญเขามีเคราเฟิ้มเลยล่ะ!” บรุนสกิลล์ กล่าวติดตลก
ตอนที่สัญญานักเตะโรงเรียนของ ฟิลลิปส์ หมดลง แล้วเขากำลังจะเลือกไปเรียนต่อที่มหา’ลัย นอร์ธ แคโรไลน่า ไมค์ การ์ริตี้ ซึ่งทำงานเป็นโค้ชเยาวชนของ “หงส์แดง” และเคยทำงานกับ บรุนสกิลล์ ที่ ลิเวอร์พูล
การ์ริตี้ โทรมาหา บรุนสกิลล์ แล้วบอกว่า ลิเวอร์พูล กำลังสนใจในตัว แนต ฟิลลิปส์
“เรากำลังจับตาดู แนต ฟิลลิปส์ อยู่นะ คุณคิดว่ายังไง?” การ์ริตี้ ยิงคำถามใส่
“ว้าว! เยี่ยมเลยเพื่อน เขาเป็นเพชรเม็ดงาม แต่ยังไม่ผ่านการเจียระไนเท่าไหร่ เขาเป็นเด็กที่มหัศจรรย์และแข็งแกร่ง แต่เขาต้องพัฒนามากขึ้นกว่านี้”
“เขาต้องพัฒนาเรื่องการเล่นกับบอล หากเขาได้ไปเล่นให้ ลิเวอร์พูล แล้วล่ะก็ เขาจำเป็นต้องพัฒนาเรื่องการครองบอล แต่เขาน่ะเป็นคนที่ต้องการพัฒนาอยู่แล้ว” บรุนสกิลล์ ตอบกลับคนปลายสาย
…
ฟิลลิปส์ ตอบรับคำเชิญของ ลิเวอร์พูล แล้วร่วมทดสอบฝีเท้ากับทีมตอนช่วง พรี-ซีซั่น เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ก่อนที่ “หงส์แดง” จะยื่นสัญญาให้แก่เขาจรดปากกา
แอนดี้ โลเนอร์แกน ซึ่งเคยอยู่ โบลตัน ระหว่างปี 2012-15 และเคยเห็น ฟิลลิปส์ ตั้งแต่สมัยยังเล็กๆ กล่าวว่าครั้งสุดท้ายที่ตนได้ยินข่าวของ ฟิลลิปส์ ก็คือการจะไป อเมริกา เพื่อเรียนต่อ โดย โลเนอร์แกน รู้สึกประหลาดใจมากๆ ที่เจอ ฟิลลิปส์ ระหว่างที่ตัวเองได้รับคำเชิญจาก คล็อปป์ ให้ไปร่วมทดสอบฝีเท้าตอน พรี-ซีซั่น ปี 2019
“ครั้งสุดท้ายที่ผมได้ยินคือเขากำลังจะไป อเมริกา เพื่อเรียนต่อที่นั่น ผมจึงไม่รู้เลยว่าเขาจะมาลงเอยกับ ลิเวอร์พูล”
“เราขึ้นเครื่องบินไปยัง อเมริกา และมันเป็นครั้งแรกที่ผมได้เจอกับทุกๆ คน”
“เขานั่งหลับตลอดทาง แต่ผมก็นั่งแถวๆ นั้น แล้วนึกในใจว่า -ผมรู้จักเขาดี- น่าแปลกชะมัด”
“ครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นเขาก็ตอนที่เขายังเป็นเด็กอยู่เลย แต่ตอนนี้เขาเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ แถมมีเคราเฟิ้มซะด้วยสิ”
“ตอนลงเครื่อง ผมมองไปที่เขา แล้วเขาก็พูดประมาณว่า -คุณสบายดีนะ, ลอนเนอร์ส?- ผมตอบกลับไปว่า -คุณเป็นใครกันเนี่ย?-“
“เขาตอบกลับมาว่า -ผม แนต ไงครับ!- ห้ะ แนต เหรอ อ้อ ลูกของ จิมมี่” โลเนอร์แกน เผย
…
ที่ ลิเวอร์พูล ฟิลลิปส์ ค่อนข้างสนิทกับ อดัม ลัลลาน่า และ เจมส์ มิลเนอร์ พวกเขามักใช้เวลาด้วยกันอยู่บ่อยๆ เพราะทั้งสามคนมีความคิด ทัศนคติที่คล้ายๆ กัน
แนต, อดัม และ เจมส์ ต่างมีความเป็นผู้ชนะ ซึ่ง ฟิลลิปท์ ก็จัดอยู่ในคนประเภทพร้อมทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ต่อให้จะเก่งขึ้นกว่าเดิมแค่ 1 % ก็ตาม
ลิเวอร์พูล มีแผนสำหรับนักเตะทุกๆ คน และแผนที่ว่าสำหรับ แนต คือการปล่อยให้เขาไปพัฒนาฝีเท้าที่อื่น ซึ่งไปลงเอยที่ เยอรมนี กับ สตุ้ดการ์ท สุดท้ายเขาได้กลับมายัง ลิเวอร์พูล เต็มตัวอีกครั้งในตอนซัมเมอร์ 2021
ด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บของกองหลังหลายราย เปิดโอกาสให้ ฟิลลิปส์ ปักหลักอยู่กับทีมต่อ จนกลายมาเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟตัวจริงคู่กับ โอซาน คาบัค ในช่วงปลายฤดูกาล 2020/21
ถึงตรงนี้ไม่มีใครจะคิดมาก่อนว่า แนต ฟิลลิปส์ จะมาได้ไกลท่ามกลางแสงสปอตไลท์ที่ส่องมา
ฤดูกาลหน้า ไม่ว่า เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, โจ โกเมซ จะหายเจ็บ หรือจะมีกองหลังคนใหม่เข้ามา ก็ไม่มีใครรู้อีกว่าอนาคตของ ฟิลลิปส์ จะลงเอยอย่างไร
แต่ที่รู้แน่ชัดคือ ไม่ว่าอะไรจะขึ้น แนต ฟิลลิปส์ แค่อยากทุ่มเทให้กับ ลิเวอร์พูล อย่างเต็มที่ต่อไป
“แนวทางการปฏิบัติตัวในอาชีพการค้าแข้งของผมและทัศนคติของผมก็คือผมจะรู้สึกพอใจไม่ว่าจะไปถึงระดับไหนก็ตาม”
“ตราบใดที่ผมรู้ดีว่าผมทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อที่จะทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จมากที่สุดหลังจากที่แขวนสตั๊ดไปแล้ว”
“ตราบใดที่ผมคิดว่าผมทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ก็ถือว่าโอเคแล้ว เพราะคุณไม่สามารถทำอะไรมากกว่านั้นได้แล้ว”
“ผมคิดว่าเราคงต้องมารอดูกันว่าสุดท้ายแล้วเราจะไปได้ถึงระดับไหน”
เรียบเรียงจาก Liverpool Echo
HOSSALONSO
Add friend ที่ @Siamsport