เอนโซ แฟร์นานเดซ – ประวัติ

หลังจากเอนโซ แฟร์นานเดซ ย้ายร่วมทีมเชลซี เราขอนำเรื่องราวของเขาจนถึงตอนนี้มาเล่าให้ฟัง…

เอนโซ แฟร์นานเดซ มาจากไหน?

เขาเกิดที่ซาน มาร์ติน บริเวณชายเมืองบัวโนสไอเรสเมื่อเดือนมกราคม 2001 เอนโซ แฟร์นานเดซ ย้ายร่วมทีมริเวอร์เพลตด้วยวัยเพียง 5 ขวบ หลังโชว์ฟอร์มโดดเด่นกับลา เรโคบา สโมสรท้องถิ่น คุณพ่อของเขาตั้งชื่อเขาตาม เอนโซ ฟรานเชสโคลี ตำนานกองกลางทีมริเวอร์ ดังนั้นการย้ายทีมที่รวดเร็วครั้งนี้จึงมีความหมายเป็นพิเศษ

เอนโซ แฟร์นานเดซ เล่นตำแหน่งไหน?

เขาเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางมาตลอด โดยแฟร์นานเดซ ไต่เต้าในระบบเยาวชนของริเวอร์ และถูกเรียกมาติดทีมสำรองเมื่อช่วงต้นปี 2019 จากนั้นไม่นานเขาลงเล่นเกมแรกในระดับดังกล่าว และในเวลาเพียงไม่กี่วัน เจ้าตัวก้าวหน้าไปอีกขั้นด้วยการมีชื่อบนม้านั่งสำรองของริเวอร์ ในเกมที่พ่ายให้กับปาโตรนาโต ซึ่งเกิดขึ้นเพียงประมาณ 1 สัปดาห์ หลังวันเกิดอายุครบ 18 ปีของเขา

มาร์เซโล กัลลาร์โด ผู้จัดการทีมริเวอร์ ระมัดระวังกับการดูแลเรื่องพัฒนาการของเขา และเฝ้ารอจนถึงเดือนมีนาคม 2020 ก่อนมอบโอกาสให้นักเตะประเดิมสนามให้ต้นสังกัด ในศึกโคปา ลิเบอร์ตาดอเรส ที่พ่ายให้แอลดียู ควีโต ไม่นานหลังจากนั้น กัลลาร์โด แนะนำให้แฟร์นานเดซ ย้ายออกไปเก็บประสบการณ์ด้วยการยืมตัว ซึ่งเขาไปเล่นให้ดีเฟนซา วาย จัสติเชีย ที่มีเอร์นาน เครสโป คุมทัพ


ช่วงเวลาการยืมตัว 9 เดือนของแฟร์นานเดซถือว่าประสบความสำเร็จ เขาสามารถปรับตัวเข้ากับการแข่งขันในลีกสูงสุดประเทศอาร์เจนติน่าที่เข้มข้น นอกจากนี้ยังมีการใช้เวลาพิเศษหลังการซ้อม เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางร่างกายอีกด้วย

ด้านผลงานในสนาม เขายึดตำแหน่ง 11 ตัวจริงได้อย่างรวดเร็ว โดยแสดงความสามารถด้านเทคนิคให้กับทีมของอดีตศูนย์หน้าเชลซีอย่างเครสโป เมื่อสภาพความฟิตและความยืดหยุ่นของเอนโซพัฒนาขึ้น ทักษะการแย่งบอลในแดนกลางของเขาก็ดีขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งเหมาะสมกับสไตล์การไล่บีบบอลของทีมดีเฟนซา วาย จัสติเชีย

เอนโซ แฟร์นานเดซ คว้าแชมป์อะไรไปแล้วบ้าง?

แฟร์นานเดซ ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในรายการโคปา ซูดาเมริกานา ซึ่งเทียบเท่ากับยูโรป้า ลีก ของทวีปอเมริกาใต้ เขาลงเป็นตัวจริงทั้ง 2 นัดในเกมที่ต้นสังกัด เอาชนะรอบรองชนะเลิศเหนือโคคิมโบ อูนิโด จากชิลีด้วยสกอร์รวม 4-2 เมื่อเดือนมกราคม 2021 จากนั้นโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมในเกมรอบชิงชนะเลิศกับลานัส คู่แข่งประเทศอาร์เจนติน่า ทางดีเฟนซา วาย จัสติเชีย เอาชนะไป 3-0 ถือเป็นการคว้าแชมป์ใบแรกในยุคและเป็นถ้วยรางวัลระดับทวีปใบแรกด้วยเช่นกัน

รางวัลระดับชาติใบที่ 2 ตามมาอย่างรวดเร็ว แฟร์นานเดซ ลงเล่นในการแข่งขันทั้ง 2 นัดของเรโคปา ซูดาเมริกานา ซึ่งเปรียบเสมือนถ้วยยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ ของ CONMEBOL ในเกมกับพัลไมรัส ทีมแชมป์โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส แฟร์นานเดซ โชว์ฟอร์มช่วยให้ดีเฟนซา วาย จัสติเชีย พลิกจากการโดนนำด้วยสกอร์รวม 3-1 ไปสู่การดวลจุดโทษตัดสิน ซึ่งตัวเขาสังหารไม่พลาด


ผลงานของแฟร์นานเดซถือว่าเตะตาสุด ๆ และกัลลาร์โดตัดสินใจยุติการยืมตัว ก่อนกำหนดที่จะหมดลงในเดือนธันวาคม 2021 เขากลับไปเล่นให้กับริเวอร์ที่โชว์ฟอร์มติดลมบน และในเดือนกรกฎาคม ก็กลายเป็น 11 ตัวจริงได้สำเร็จ

เดือนสิงหาคม 2021 แฟร์นานเดซ ทำประตูแรกให้กับต้นสังกัดของเขาในเกมพบ เวเลซ ซาร์สฟิลด์ และยังทำแอสซิสต์ได้อีกด้วย ริเวอร์ คว้าแชมป์ลีกโดยที่การแข่งขันยังเหลืออีก 3 นัด ซึ่งแฟร์นานเดซ ลงสนามไปทั้งหมด 15 นัด เขาคว้าเหรียญรางวัลชิ้นที่ 3 ในปีปฏิทินเดียวกันนี้


หากปี 2021 คือปีที่แฟร์นานเดซ แจ้งเกิดกับวงการฟุตบอลอเมริกาใต้ ปี 2022 ถือเป็นปีที่เขาประกาศศักดาต่อเวทีโลก

ในช่วงครึ่งแรกของปี เขาพัฒนาเกมของตัวเองไปอีกระดับ แฟร์นานเดซ ยิงไป 10 ประตูและทำอีก 6 แอสซิสต์ในการลงเล่นบอลลีกและบอลถ้วย 26 นัดให้กับริเวอร์ ซึ่งเป็นการสถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นมิดฟิลด์แบบบ็อกซ์-ทู-บ็อกซ์ แบบที่เขาอยากเป็นมาเสมอ

ไม่น่าแปลกใจนักที่ฟอร์มของเขาถูกเหล่าสโมสรในยุโรปสังเกตเห็น และหลังมีข่าวลือมากมายในฤดูร้อน เขาก็ได้ย้ายไปอยู่กับเบนฟิก้า สโมสรที่ขึ้นชื่อเรื่องการนำเข้าผู้เล่นจากอเมริกาใต้

แฟร์นานเดซ ซึ่งมีอายุครบ 22 ปีเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ไม่ต้องใช้เวลาในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ โดยลงประจำการเคียงข้าง ฟลอเรนติโน หลุยส์ คู่ขาในแดนกลางที่ถนัดเกมรับ การสร้างสรรค์เกมของ แฟร์นานเดซ ถูกแสดงให้เห็นอย่างโดดเด่นในการแข่งขันลีกา นอส เช่นเดียวกับความเหนียวแน่นของเขา


ผลงานอันน่าประทับใจนั้น ทำให้เขาได้รับรางวัลกองกลางยอดเยี่ยมของลีกในเดือนสิงหาคม, ตุลาคม และพฤศจิกายน ก่อนถึงการแข่งขันฟุตบอลโลก แฟร์นานเดซ ลงสนามให้เบนฟิก้าไป 24 นัด ยิงได้ 3 ประตู และแอสซิสต์อีก 5 นัด ช่วยให้ต้นสังกัดกุมสถิติไร้พ่ายทั้งในลีกและในเวทียุโรป พวกเขาจบตำแหน่งแชมป์กลุ่มในแชมเปี้ยนส์ ลีก โดยอยู่เหนือทั้งเปแอสเชและยูเวนตุส ซึ่งแฟร์นานเดซ ปรับตัวเข้ากับการแข่งขันเวทีสูงสุดในยุโรปได้อย่างไม่มีปัญหา

เอนโซ แฟร์นานเดซ ยิงกี่ประตูและลงเล่นกี่นัดให้เบนฟิก้า?

เขาอำลาเบนฟิก้า หลังผ่านการลงสนาม 29 นัด ยิงไป 4 ประตู และทำแอสซิสต์อีก 7 ลูก

เอนโซ แฟร์นานเดซ ติดทีมชาติไปแล้วกี่นัด?

เอนโซ มีชื่อติดทีมชาติอาร์เจนติน่า ภายใต้การคุมทีมของลิโอเนล สกาโลนี่ ในเกมอุ่นเครื่องเดือนกันยายน โดยลงเป็นสำรองในเกมชนะฮอนดูรัสและจาไมก้า ถือเป็นการได้ลงเล่น 2 เกมแรก จากทั้งหมด 10 นัดที่ติดธงในเวลานี้ ถือเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เขาถูกเรียกตัวไปเล่นฟุตบอลโลก

แฟร์นานเดซ ลงเป็นตัวสำรองในเกมนัดสองของทัพฟ้าขาวที่พบกับเม็กซิโก ซึ่งเจ้าตัวมีส่วนให้ทีมกลับมาทำผลงานที่ดี หลังพลาดในเกมแรกกับซาอุดิอาระเบีย เขาทำประตูสุดสวยในเกมดับทัพจังโก้ 2-0 จากจังหวะเอาชนะกองหลังแล้วปั่นบอลหนีมือผู้รักษาประตู จากนั้นทีมของสกาโลนี่ก็ไม่เคยแพ้ให้ทีมใดอีกเลย

แฟร์นานเดซ ได้ลงตัวจริงในเกมถัดมา และมีส่วนช่วยแอสซิสต์ให้ยูเลี่ยน อัลวาเรซ ทำประตูในเกมดับโปแลนด์ จากนั้นเขาก็ไม่พลาดลงสนามแม้แต่นาทีเดียวในเกมรอบน็อคเอาต์ การยืนแผงกลางอาร์เจนติน่าในระบบสามคน มาพร้อมกับความเฉียบขาดในแนวทางการเล่น และความสามารถในเชิงเทคนิค ไม่ได้ทำให้ทีมฟ้าขาวผงาดแชมป์โลกได้เป็นหนแรก นับแต่ปี 1986 เท่านั้น แต่ยังส่งให้ตัวเขาคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำรายการของฟีฟ่าอีกด้วย

มีเพียงแค่มาเตโอ โควาซิช และฮาคิม ซิเยค ที่เข้าสกัดบอลสำเร็จมากกว่าแฟร์นานเดซ โดยการผ่านบอลสำเร็จ 88% ของเขาในตำแหน่งห้องเครื่อง ถือเป็นตัวเลขที่มากที่สุด ไม่ต้องสงสัยว่าทำไม ลิโอเนล เมสซี่ จึงนิยามเขาว่าเป็นผู้เล่นที่ ‘พิเศษ’

เอนโซ แฟร์นานเดซ อายุเท่าไร?

แฟร์นานเดซ เกิดเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2001 ดังนั้นเขาเพิ่งมีอายุครบ 22 ปี

เอนโซ แฟร์นานเดซ สูงเท่าไร?

เอนโซ แฟร์นานเดซ สูง 178 เซนติเมตร

เอนโซ แฟร์นานเดซ สวมเสื้อหมายเลขใด?

การประกาศเบอร์เสื้อของแฟร์นานเดซจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ โดยล่าสุดกับเบนฟิก้า เขาใช้หมายเลข 13