โครเอเชียล้มยักษ์บราซิลได้สำเร็จ

ที่มาของภาพ, Reuters

คำบรรยายภาพ,

โครเอเชียล้มยักษ์บราซิลได้สำเร็จ

หลังประกาศอิสรภาพในปี 1991 โครเอเชียต้องเผชิญกับภาวะสงครามและความไม่สงบตลอด 4 ปีหลังจากนั้น

แต่อีกไม่กี่ปีต่อมา ทีมชาติโครเอเชียได้สร้างความประหลาดใจให้กับแฟนบอลทั่วโลก เมื่อพวกเขากลายเป็นทีมม้ามืดที่คว้าอันดับ 3 ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 1998 ที่ประเทศฝรั่งเศส ไปครอง

โครเอเชียสร้างความประหลาดใจไม่หยุด เพราะในปี 2018 พวกเขาผ่านมาถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกได้เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 60 ปี โดยพบกับฝรั่งเศสในรอบชิง แต่ก็พ่ายแพ้ไปด้วยสกอร์ 4-2

แต่แล้วเมื่อคืนนี้ โครเอเชียสร้างความระทึกใจกับแฟนบอลได้สำเร็จอีกครั้ง เพราะล้มเต็งหนึ่งของโลกอย่างบราซิลไปด้วย ในการดวลจุดโทษ

ทราบไหมว่า มีปัจจัยหลายประการที่แสดงให้เห็นว่าความสำเร็จด้านลูกหนังของประเทศยุโรปตะวันออกแห่งนี้ ที่มีประชากรราว 4.4 ล้านคน อาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

ที่มาของภาพ, PA Media

คำบรรยายภาพ,

น้ำตาเนย์มา

สิ่งที่คุณอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับโครเอเชีย

คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะชาวยุโรป รู้จักโครเอเชียในฐานะจุดมุ่งหมายยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชายฝั่งทะเลอะเดรียติกอันงดงาม และหมู่เกาะเล็กใหญ่กว่า 1,000 แห่ง

ชาวโครเอเชียต้อนรับนักท่องเที่ยวกว่า 18 ล้านคนต่อปี และมีรายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวคิดเป็นราว 1 ใน 5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี)

โครเอเชีย เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวีย ก่อนจะประกาศตัวเป็นเอกราชในปี 1991 และในช่วง 10 ปีต่อจากนั้นประเทศก็ถูกปกครองภายใต้รัฐบาลชาตินิยมของ ประธานาธิบดีฟรานโจ ทุชมัน

ต่อมาในปี 2003 ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีเสตียปัน เมชิช โครเอเชียได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป และเกือบ 10 ปีให้หลัง ในวันที่ 1 ก.ค. 2013 โครเอเชียได้กลายเป็นประเทศอดีตสหพันธ์สาธารณรัฐยูโกสลาเวีย ประเทศที่ 2 ที่เข้าร่วมสหภาพยุโรป ถัดจากสโลเวเนีย

ที่มาของภาพ, ฟุตบอล

คำบรรยายภาพ,

แม้เป็นประเทศเล็ก ๆ ในยุโรป แต่โครเอเชียก็เป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยว

ดินแดนแห่งป่า และสุนัขดัลเมเชียน

โครเอเชียมีอุทยานแห่งชาติที่งดงาม คุณสามารถว่ายน้ำในน้ำตกที่น่ามหัศจรรย์ และสำรวจป่าอุดมสมบูรณ์ที่ยังไม่ถูกทำลาย ซึ่งธนาคารโลกระบุว่าหนึ่งในสามของพื้นที่ประเทศถูกปกคลุมด้วยผืนป่า

ประเทศแห่งนี้มีอุทยานแห่งชาติ 8 แห่ง ในจำนวนนี้รวมถึงทะเลสาบพลิทวิเซ่ Plitvice Lakes ในอุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทวิเซ่ ซึ่งได้รับการประกาศจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี 1979 ด้วย

รากเหง้าของสุนัข “ดัลเมเชียน” เชื่อกันว่ามาจากโครเอเชีย ซึ่งก็มีแคว้นดัลเมเชีย โดยมีการค้นพบรูปภาพเหมือนดัลเมเชียนในโบสถ์

เราจะเห็นสุนัขซึ่งมีขนขาวและลายจุดสีดำทั่วตัวนี้ได้ในภาพเขียนต่าง ๆ และในบันทึกของโบสถ์หลายแห่งทั่วแคว้นดัลเมเชีย ข้อมูลจาก Fédération Cynologique Internationale (FCI) ซึ่งเป็นสหพันธ์ของผู้เลี้ยงและเพาะพันธุ์สุนัขอาชีพที่ใหญ่ที่สุดระบุว่าร่องรอยที่เก่าแก่ที่สุดของสุนัขดัลเมเชียนสามารถสืบย้อนไปได้ถึงคริสศตวรรษที่ 16

ที่มาของภาพ, ฟุตบอล

FCI อ้างข้อมูลของโธมัส เพนแนนท์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องพันธุ์สุนัขว่า พันธุ์นี้มีความเป็นตัวของตัวเองมาก และเขาเป็นคนที่เรียกมันว่าดัลเมเชียนเป็นคนแรกและอธิบายว่ามีต้นกำเนิดจากแคว้นดัลเมเชีย

คิงส์ แลนดิ้ง ใน เกม ออฟ โธรนส์ อยู่ในเมืองดูบรอฟนิก

เมืองหลวงของอาณาจักรสมมติ คิงส์ แลนดิ้ง (Kings’ Landing) ในซีรีส์ เกม ออฟ โธรนส์ ถูกถ่ายทำเกือบทั้งหมดในบรอฟนิก เมืองเก่าแก่ของโครเอเชียที่อยู่ริมชายฝั่งทะเลอะเดรียติก มีกำแพงโอบล้อมรอบเมือง และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกด้วย

ด้วยเพราะเป็นเมืองค้าขายในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมานับพันปี ทำให้สถาปัตยกรรมเก่าแก่ยังเหลืออยู่ อาทิ พระราชวังสไตล์โกธิค-เรอเนสซองส์ โบสถ์สไตล์บาโรค สร้างเสน่ห์ให้กับเมืองแห่งนี้ จนถูกเลือกให้เป็นฉากสำคัญในซีรีส์ดัง

ที่มาของภาพ, ฟุตบอล

คำบรรยายภาพ,

เมืองดูบรอฟนิก เมืองเก่าริมฝั่งของโครเอเชีย ถูกใช้เป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำหลักของ เกม ออฟ โธรนส์

ความสำเร็จในโลกกีฬา

ปัจจุบันทีมชาติโครเอเชียอยู่ในอันดับที่ 12 ตามการจัดอันดับของฟีฟ่า และพวกเขาเคยขึ้นไปถึงอันดับ 3 เมื่อปี 1998 ในยุคที่ทีมประกอบไปด้วยดาวดังอย่าง ดาวอร์ ซูเคอร์ และ สโวนิเมียร์ โบบัน

แต่โครเอเชีย ไม่ได้ทำผลงานได้ดีแค่ในกีฬาฟุตบอล หรือที่ชาวโครเอเชียเรียกว่า “โนโกเมต” (nogomet) เท่านั้น

ทีมแฮนด์บอลของพวกเขา คว้าแชมป์โลกได้ในปี 2003 รวมถึงเป็นเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก 2 สมัย ขณะที่ทีมโปโลน้ำของพวกเขาก็เป็นแชมป์โลกด้วยเช่นกัน

แฟนบาสเก็ตบอลอาจรู้จัก ดราเซน เพโตรวิช และ โทนี คูโคช สองนักบาสจากโครเอเชียในลีกเอ็นบีเอ ของสหรัฐฯ ขณะที่แฟนเทนนิสน่าจะเคยได้ชมผลงานของ โกรัน อิวานิเซวิช และ มาริน ซิลิช

พวกเขาทำได้อย่างไร ?

อิกอร์ สติแมช กุนซือทีมชาติโครเอเชียชุดปี 2012 เคยกล่าวว่า “ชาวโครแอตมีความสามารถอยู่แล้วโดยธรรมชาติ”

ขณะที่ โรมีโอ โจแซค หัวหน้าฝ่ายเทคนิคของสมาคมฟุตบอลโครเอเชีย กล่าวในการสัมภาษณ์กับบีบีซีเมื่อปี 2013 ว่า “พระเจ้ามอบเด็กที่น่าทึ่งและมีความสามารถสูงให้กับเรา”

แต่ความสามารถของเด็ก ๆ อาจไม่ใช่เหตุผลเดียว ที่ทำให้ทีมฟุตบอลตราหมากรุกประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ในการสัมภาษณ์กับบีบีซี โจแซคกล่าวว่า ยุทธศาสตร์ในการพัฒนานักฟุตบอลภายในประเทศของโครเอเชีย กำหนดให้โค้ชมุ่งฝึกสอนทักษะในแนวทางเดียวกัน สำหรับแต่ละช่วงอายุของเด็ก โดยมีสมาคมฟุตบอลฯ เป็นผู้สนับสนุนด้านเทคนิค ขณะที่สโมสรทั้งหมดในโครเอเชียก็เห็นพ้องต้องกันกับแผนนี้

นั่นหมายความว่า นักฟุตบอลของโครเอเชียทุกอายุ ตั้งแต่ชุดเด็ก ชุดเยาวชน ไปจนถึงชุดใหญ่ ต่างได้รับการปลูกฝังเกี่ยวกับฟุตบอลในทิศทางเดียวกัน

“คุณต้องสร้างวิสัยทัศน์เดียวกันตั้งแต่อายุ 12 ปี เมื่อ 4 ปีก่อน เราคิดค้นหลักสูตรนี้ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ทางเทคนิคสำหรับทีมชุดอายุต่ำกว่า 14 ปีขึ้นไป นักฟุตบอลทุกรุ่นจะต้องทำตามแผนนี้ มันเป็นเรื่องของความสามารถ การมีวิสัยทัศน์ และเกณฑ์การคัดเลือกที่ชัดเจน” เขากล่าว

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนกล่าวว่า ระบบพัฒนานักฟุตบอลเยาวชนของโครเอเชีย ยังคงตามหลังหลายประเทศในยุโรป และยังต้องอาศัยผลผลิตจากศูนย์ฝึกสอนจากสโมสรยักษ์ใหญ่ในประเทศเป็นหลัก