ถือเป็นข่าวดีสำหรับสาวกหงส์แดงเมื่อซุป’ตาร์นักบาสอย่างเลอบรอน เจมส์ กำลังจะกลายเป็นเจ้าของร่วมสโมสรลิเวอร์พูลหลังจากที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวถือหุ้น 2% อยู่กับทีมอยู่ก่อนแล้ว
มีรายงานข่าวเผยว่า เลอบรอน เจมส์ กำลังจะกลายเป็น ‘เจ้าของ’ สโมสรลิเวอร์พูลร่วมกับ Fenway Sports Group ทั้งนี้ ซูเปอร์สตาร์ NBA ของลอสแองเจลิส เลเกอร์ส ที่ถือหุ้นสองเปอร์เซ็นต์หงส์แดงอยู่แล้วพร้อมที่จะร่วมกับ จอห์น ดับเบิ้ลยู เฮนรี่ และ ทอม เวอร์เนอร์ ฯลฯ กลายเป็นโครงสร้างความเป็นเจ้าของทีมในนามของเอฟเอสจี (FSG)
จากการรายงานของ Boston Globe เลอบรอน กับมาเวอริค คาร์เตอร์ อดีตนักบาสที่เคยเล่นร่วมกันสมัยไฮสคูลและเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจมายาวนานของเขาจะเข้าซื้อกิจการของบริษัทที่เป็นเจ้าของสโมสรเบสบอลของเมเจอร์ ลีก อย่าง Boston Red Sox (บอสตัน เรด ซอกซ์) ทั้งนี้ก็เท่ากับว่าในฐานะแฟนพันธุ์แท้ของ นิวยอร์ก แยงกี้ส์ ซุป’ตาร์ยัดห่วงวัย 36 กำลังจะทำตัวเป็นศัตรูกับทีมโปรดด้วยการกลายเป็นเจ้าของร่วมของทีมคู่ปรับตลอดกาลของพวกเขานั่นเอง
อย่างไรก็ตามเชื่อกันว่าเขาและคาร์เตอร์จะซื้อกิจการของบริษัทในราคาที่ไม่เปิดเผย รายงานเกี่ยวกับข้อตกลงที่ใกล้เข้ามาของพวกเขาเกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ RedBird Capital Partners ของ เจอร์รี่ คาร์ดินาล ได้รับสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 10 ใน FSG ด้วยเงินจำนวน 750 ล้านดอลลาร์ ส่วนตัวเจมส์นั้นมีประสบการณ์กว่าทศวรรษในการทำงานร่วมกับ FSM ที่ปรึกษาและการตลาดของ FSG
ในปี 2011 เจมส์จ่ายเงิน 6.5 ล้านดอลลาร์เพื่อซื้อหุ้นสองเปอร์เซ็นต์ในสโมสรลิเวอร์พูลในพรีเมียร์ ลีก แต่ตอนนี้ซูเปอร์สตาร์ของแอลเอ เลเกอร์ส รายนี้พร้อมด้วยคาร์เตอร์ และ RedBird Capital จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยของ Roush Fenway Racing, เครือข่ายกีฬาในบอสตันอย่าง NESN, Fenway Sports Management และ FSG Real Estate อีกด้วยเช่นกัน
บทบาทที่เพิ่มขึ้นของเจมส์เป็นส่วนหนึ่งของข่าวเชิงบวกสำหรับความทะเยอทะยานในการเติบโตของ FSG หลังจากที่พวกเขาเปิดโอกาสให้ RedBird Capital Partners บริษัทด้านการลงทุนเข้ามาซื้อหุ้นของบริษัทเป็นจำนวน 10% หรือคิดเป็นเงินได้มูลค่า 750 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นั่นเอง ซึ่งจะทำให้ RedBird Capital Partners เป็นพันธมิตรที่ใหญ่เป็นอันดับสาม นอกจากนี้เจ้าของลิเวอร์พูลก็เตรียมที่จะทำให้อำนาจการใช้จ่ายโดยรวมของพวกเขาเพิ่มขึ้นควบคู่ไปกับบทบาทของเจมส์ซึ่งน่าจะเพิ่มมูลค่าแบรนด์ของ FSG ให้สูงขึ้นด้วย
นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าแฟรนไชส์ NFL และ NBA ก็อยู่ในลิสต์ช้อปปิ้งการลงทุนของ FSG เช่นเดียวกับสโมสรฟุตบอลในยุโรปอื่นๆ รวมถึงทีมจาก NHL, MLS, WNBA และ NWSL นอกจากนี้ยังมีบริษัทรับพนัน, eSports และบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลก็เข้าข่ายเช่นกันหลังจากที่มีการอัดฉีดเงินสดเข้าไปให้ธุรกิจ
ในขณะที่ผลกระทบในทันทีต่อลิเวอร์พูลยังไม่ชัดเจนและดูเหมือนว่าเงินทุนเพิ่มเติมที่จะถูกส่งไปยังแอนฟิลด์จะยังไม่น่าเป็นไปได้ แต่การเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นก้าวที่ชัดเจนในความทะเยอทะยานในการเติบโตของ FSG เพราะการเพิ่มขึ้นของกลุ่มเจ้าของสามารถปรับปรุงทรัพยากรที่มีให้หงส์แดงในระยะยาวได้