วันนี้ของ ‘สัจจา ศิริเขตร์’ กับธุรกิจฟุตบอลหญ้าเทียม-อคาเดมี

วันนี้ของ ‘สัจจา ศิริเขตร์’ กับธุรกิจฟุตบอลหญ้าเทียม-อคาเดมี

นักฟุตบอลอาชีพ เมื่อมาถึงช่วงเวลาที่โรยรา แน่นอนว่าก็ต้องประกาศแขวนสตั๊ด แล้วไปหาอาชีพอื่นๆ ในการทำมาหากินกันต่อไป

อดีตนักฟุตบอลหลายๆ คน เลือกที่จะผลันตัวเองไปเป็นโค้ช เป็นอาจารย์ บ้างก็ไปทำธุรกิจ หรือบางคนไปเป็นพ่อค้าขายของอะไรต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็คงหนีไม่พ้นฟุตบอล เพราะนั่นคือสิ่งที่พวกเขาอยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิต

เช่นเดียวกับ “โค้ชอู๊ด” สัจจา ศิริเขตร์ อดีตนักฟุตบอลปราการหลังจอมแกร่งทีมชาติไทย และสโมสรธนาคารกสิกรไทย สโมสรที่น่าจับตามองที่สุดในยุคนั้น เพราะแบงค์รวงข้าวกวาดแชมป์ฟุตบอลในเมืองไทย และระดับเอเชียมาแล้วนับไม่ถ้วน

ชีวิตของ “โค้ชอู๊ด” หลังจากเลิกค้าแข้งได้ระหกระเหิน ทำอาชีพต่างๆ มามากมายตั้งแต่การเป็นพนักงานแบงค์ อยู่ที่ธนาคารกสิกรไทย อยู่ 6 ปี เป็นอาจารย์สอนฟุตบอล เป็นโค้ชคุมทีมฟุตบอล หรือแม้กระทั่งเป็นเซลล์ขายรถยนต์ จนมาถึงวันหนึ่งด้วยสภาพร่างกาย และใจที่รักฟุตบอล จึงอยากที่จะทำอะไรสักอย่างที่สามารถหารายได้จากกีฬาฟุตบอลได้

วันหนึ่งจึงได้ไปชักชวนเพื่อนสมัยเรียนโรงเรียนโยธินบูรณะ รุ่น 44 ด้วยกัน ก็คือ ปรีชา อัมพรสิทธิกูล มาร่วมลงทุนสร้างสนามฟุตบอลหญ้าเทียม ชื่อ SP STADIUM ที่มาจากอักษรย่อของทั้ง 2 คน ก็คือ S คือ สัจจา และ P คือ ปรีชา ด้วยจุดเริ่มต้นที่มาจากความรักฟุตบอลของทั้งคู่

SP STADIUM ตั้งอยู่ที่ถนนปากเกร็ด-ติวานนท์ ซอย 27 ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ที่ตอนนี้ได้ลงทุนไปแล้วกว่า 4 ล้านบาท มีจุดเด่นคือ ไซส์สนามที่มีขนาดใหญ่ และหญ้าเทียมค่อนข้างนุ่ม ไม่แข็ง มีอุปกรณ์เตรียมในกรณีบาดเจ็บในสนาม ที่สำคัญคือ มีผู้ตัดสินเตรียมให้บริการ หรือในกรณีขาดแคลนผู้เล่น ก็มีคนช่วยเล่นให้ครบทีม ทำให้ลูกค้าชื่นชอบ และเลือกที่จะมาเล่นฟุตบอลที่สนามแห่งนี้

SP STADIUM เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง คิดค่าบริการชั่วโมงละ 1,400 บาท ภายในสนามประกอบไปด้วย สนามฟุตบอลหญ้าเทียม 2 สนาม ที่โค้ชอู๊ด ได้ตั้งชื่อสนามทั้งสองนี้ไว้แบบสร้างสีสัน คือ สนามแอนฟิลด์ และสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด เลือกได้เลยว่า อยากเล่นสนามไหน อีกทั้งยังมีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำอีก 2 อาคาร, มีห้องพักโค้ช, ห้องแอร์ปรับกาศระหว่างนั่งพัก หรือกินน้ำ และสิ่งอำนวยความสะดวกอีกมากมาย พูดได้ว่าใครอยากเล่นฟุตบอลหญ้าเทียมที่สามารถเล่นได้ถึงฝั่งละ 7-8 คน บวกกับบรรยากาศที่ร่มรื่น ก็ต้องมาลองสนามเอสพี สเตเดียม ดูสักครั้ง

สาเหตุที่อดีตปราหลังทีมชาติไทยเลือกมาจับธุรกิจนี้ สัจจา ศิริเขตร์ เล่าว่า เพราะตัวเองได้ศึกษาเรื่องสนามฟุตบอลหญ้าเทียมมาแล้ว ไม่ต่ำกว่า 10 ปี และคิดว่ามีประสบการณ์พอสมควร รู้ความต้องการของคนเล่นฟุตบอลหญ้าเทียมจริงๆ ว่าคืออะไร เช่น หญ้าต้องดี ต้องนุ่ม สนามต้องมีไซส์มาตรฐาน ที่สามารถเล่นได้ฝั่งละ 7-8 คน เพราะเขาคิดว่านี่คือ ความต้องการของคนเล่นฟุตบอลหญ้าเทียมจริงๆ

“กิจกรรมที่เล่นได้ง่ายๆ อย่างหนึ่งก็คือ ฟุตบอล การทำธุรกิจนี้อาจจะมองว่าง่าย แต่ความง่ายก็มีความยากอยู่ คือความยากของเรื่องการบริการ เช่น หญ้าต้องดี ไฟต้องสว่าง และต้องมีที่พัก มีที่นั่งเล่น และสิ่งอำนวยความสะดวกอีกมากมาย” โค้ชอู๊ดกล่าว

นอกจากจะมีสนามฟุตบอลหญ้าเทียมของตัวเองแล้ว “โค้ชอู๊ด” ยังเปิดสอนฟุตบอลอคาเดมีที่ชื่อว่า เอสเอสเอ สัจจา ซอคเกอร์ อะคาเดมี่ ที่พร้อมจะสร้างฝันให้กับเด็กๆ ในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ที่เป็นตัวเลือกสำหรับผู้ปกครองท่านใดที่มีบุตรแล้วอยากส่งเสริม สนับสนุน การเล่นฟุตบอล ซึ่งมีโค้ชอู๊ด และผู้ช่วยโค้ชอีกไม่ต่ำกว่า 10 คนคอยดูแล การันตีคุณภาพผ่านฝีมือผู้ฝึกสอนระดับเอไลเซนส์ ที่เคยปลูกปั้น นักฟุตบอลดาวดังต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น “หนุ่ย” ศราวุฒิ มาสุข, “ฉุย” พรรษา เหมวิบูลย์ หรือ “นิว” พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี

เอสเอสเอ สัจจา ซอคเกอร์ อะคาเดมี่ เปิดสอนฟุตบอลตั้งแต่อายุ 4 -16 ปี มีคอร์สเรียน 2 คอร์สด้วยกันคือ คอร์สเรียนวันอังคาร, วันพุธ และวันพฤหัส เริ่มเรียนตั้งแต่ 17.00-19.00 น. ค่าเล่าเรียน 2,000 ต่อเดือน ส่วนคอร์สวันเสาร์ และอาทิตย์ เริ่มเรียน 16.30-18.30 น. ค่าเรียนประมาณ 1,000-1,500 บาท ต่อเดือน

จุดเด่นของ “เอสเอสเอ สัจจา ซอคเกอร์ อะคาเดมี่” คือการเน้นสอนทักษะ การฝึกระเบียบวินัย มีทัศนคติที่ดีต่อการเล่นฟุตบอลตั้งแต่เยาว์วัย พร้อมปลูกปั้นเด็กภายในอคาเดมีให้ก้าวไปสู่นักฟุตบอลอาชีพได้ในอนาคต

“เรามีแผนการซ้อมตลอด 1 ปีคือ ช่วงปรีซีซั่นเด็กในอคาเดมีก็จะซ้อมกันอย่างเดียว ฝึกทักษะไปเรื่อยๆ พอถึงช่วงแข่งขัน ก็จะส่งไปแข่งขันทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ ที่มีมาตรฐาน ประมาณ 4-5 ทัวร์นาเมนต์ เพื่อให้นักฟุตบอลในอคาเดมีได้ออกไปประลองวิชา แต่การประลองนี้ไม่ได้เน้นผลของการแพ้ชนะ แต่เป็นการประลองเพื่อการฝึกเล่นกันเป็นทีม การรู้กติกา การมีวินัย และฝึกระเบียบการเล่นฟุตบอล” หัวหน้าผู้ฝึกสอนเอสเอสเอ อะคาเดมี่ กล่าว

ส่วนมุมมองของโค้ชอู๊ดในเรื่องของความแตกต่างระหว่างนักฟุตบอลทีมชาติไทยยุคก่อนกับปัจจุบัน อดีตปราการหลังทีมชาติไทยมองว่า นักฟุตบอลสมัยนี้ต่างกับสมัยก่อนมาก ในเรื่องของเวทีการแข่งขัน ยุคก่อนไม่มีโรงเรียนสอนฟุตบอลอคาเดมี ทัวร์นาเมนต์ที่ใหญ่ที่สุดในสมัยนั้นก็คงจะเป็น ฟุตบอลถ้วย ก, ถ้วย ข แต่สมัยนี้มีทั้งเวทีระดับอาเซียน และเอเชีย ทำให้เด็กในปัจจุบันมีแรงจูงใจมากกว่า

สมัยก่อนนักฟุตบอลทีมชาติไทยที่ติดทีมชาติมา ก็จะติดทีมชาติอยู่อย่างนั้นเรื่อยๆ เป็น 10 ปี การที่จะมีเยาวชนจะมีโอกาสขึ้นไปติดชุดใหญ่แทนรุ่นพี่เป็นเรื่องยากมาก เพราะเด็กสมัยก่อนไม่มีเวทีให้โชว์ฝีมือมากนัก

สมัยปัจจุบันนี้ มีเรื่องของโซเชียลเข้ามา มีเวทีให้นักฟุตบอลหลายๆ คนได้แสดงความสามารถ มีอคาเดมี ทำให้โอกาสขึ้นไปเป็นสุดฟุตบอลอาชีพและติดทีมชาติมีสูงขึ้น

ปัจจุบันถือได้ว่า มีโรงเรียนสอนฟุตบอลอคาเดมี สโมสรฟุตบอลอคาเดมี มีโรงเรียนที่ทำฟุตบอลอยู่เป็นจำนวนมาก ถ้าหากจะเลือกโรงเรียนสอนฟุตบอลสักแห่งหนึ่ง “เอสเอสเอ สัจจา ซอคเกอร์ อะคาเดมี่” ควรเป็นหนึ่งในตัวเลือกของผู้ปกครองหลายๆ คน เพราะด้วยประสบการณ์ของโค้ชที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จ ทั้งในด้านของนักฟุตบอล และอาชีพผู้ฝึกสอน รวมถึงระบบการสอนฟุตบอล การวางแผนที่มีความเป็นมืออาชีพของที่นี่ ได้รับเสียงชื่นชมจากผู้ปกครองคนอื่นๆ แถมเด็กๆ ที่นี่หลายคน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า โค้ชใจดี เน้นสอนทักษะ ฝึกระเบียบวินัยได้ ทำให้ชื่นชอบโรงเรียนสอนฟุตบอลแห่งนี้

ผู้ที่สนใจ ติดต่อจองสนามฟุตบอลหญ้าเทียมเอสพี สเตเดียม สามารถติดต่อผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก The Stadium Football ปากเกร็ด-ติวานนท์ 27 หรือโทรติดต่อคุณก๊อส 083-907-4477 ส่วนผู้ที่สนใจส่งบุตรหลาน เรียนฟุตบอลอคาเดมีกับ โค้ชอู๊ด สัจจา ศิริเขตร์ สามารถติดต่อผ่านแฟนเพจ Sujja Soccer Academy หรือโทร 084-663-6133 (โค้ชอู๊ด)