เส้นทางโกลมือทอง “ฟ้าขาว”

เอมิเลียโน มาร์ติเนซ กว่าที่เขาจะได้รับแสงสว่างนั้น ก่อนหน้านี้เขาถูกดึงตัวจากสโมสร อินดิเพนเดียนเต ไปอยู่กับ อาร์เซนอล พร้อมเซ็นสัญญากับสโมสรในระดับเยาวชน ซึ่งเขาแทบไม่เคยได้โอกาสในการลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ ตลอดเวลาเกือบ 10 ปีที่เขาอยู่กับอาร์เซนอล แทบไม่ได้รับโอกาสลงเฝ้าเสาเลย แต่ก็ไม่เคยได้เป็นมือ 1 หรือมือ 2 เลย เป็นได้เพียงผู้รักษาประตูสำรองมือ 3 ของทีมด้วยซ้ำ

ตลอดระยะเวลาที่เขาอยู่กับ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ตั้งแต่ปี 2010-2022 นั้น เขามักจะถูกส่งตัวไปเล่นเฝ้าเสาแบบยืมตัว และแต่ละทีมนั้นก็เป็นทีมระดับล่างไม่ใช่ทีมที่พอจะมีชื่อเสียงโด่งดังนัก ซึ่งกราฟเส้นทางของเขามีดังนี้

ปี 2012 สโมสร อ็อกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด

ปี 2013-2014 สโมสร เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์

ปี 2015 สโมสร ร็อตเธอร์แฮม

ปี 2015-2016 สโมสร วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส

ปี 2017-2018 สโมสร เกตาเฟ

ปี 2019 สโมสร เรดดิง

ทว่า เอมิเลียโน มาร์ติเนซ ก็ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตาที่ยังไม่เข้าข้างเขาเสียที แต่เขาเตรียมพร้อมเสมอเพราะความเชื่อว่ามันจะมีวันนั้น ซึ่งนั่นทำให้เขา รอเวลาที่จะได้รับโอกาสที่จะได้เป็น ผู้รักษาประตูมือ 1 เป็นตัวจริงในการลงสนาม

จนมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2020 (ในฤดูกาล 2019-2020) โอกาสของเขาก็มาถึง เมื่อมือ 1 ของทีมอย่าง แบรนด์ เลโน บาดเจ็บในเกมกับ ไบรจ์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน จึงต้องถูกเปลี่ยนตัวออกและนี่คือช่วงเวลาที่เขารอคอยมาตลอด 10 ปี ที่ผ่านมา

ซึ่งตัวเขาเขาก็สามารถคว้ามันไว้ได้และไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปด้วยฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม จนเขากลายมาเป็นผู้รักษาประตูมือ 1 ของอาร์เซนอล และได้รับเลือกลงเล่นตัวจริงในรอบชิง ศึกเอฟเอ คัพ ฤดูกาล 2019-2020 สามารถพาทีมคว้าแชมป์เอาชนะ “สิงโตนำ้เงินคราม” เชลซี ไปได้

แม้เขาจะเป็นส่วนหนึ่งของการได้แชมป์ครั้งนั้น แต่เขาก็รู้ดีว่าหากอยู่ต่อไปเขาก็ยังคงไม่ได้รับเลือกให้เป็นมือ 1 ของทีมอยู่ดี หลังจบฤดูกาลนี้เขาจึงตัดสินใจออกเดินทางตามแนวทางของตนเอง ย้ายไปเล่นให้กับ “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลลา และทำให้เขามีโอกาสเป็นตัวจริงให้กับทีมอย่างที่ใจปรารถนา

หลังจากนั้นปี 2021 เอมิเลียโน มาร์ติเนซ ได้ลงสนามในฐานะทีมชาติอาร์เจนตินา และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ได้คว้ารางวัลถุงมือทองคำ หรือรางวัลนายทวารยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์พร้อมช่วย “ฟ้าขาว” อาร์เจนตินา คว้าแชมป์ โกปา อเมริกา และนับแต่นั้นมาเขาถือเป็นผู้เล่นคนสำคัญของอาร์เจนตินาและถือเป็นเปลี่ยนเส้นทางการเป็นนักเตะฟุตบอลอาชีพไปอย่างสิ้นเชิง

จนในที่สุดก็มาถึงวันที่ทั้งโลกได้เห็นฝีมือของเขาในการเซฟประตูต่างๆในศึกฟุตบอลโลก 2022 แบบเต็มๆ โดยเฉพาะในนัดชิงที่ช่วยทีมหลายครั้งตลอด 120 นาที ก่อนเซฟจุดโทษจนมีส่วนทำให้ อาร์เจนตินา คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 3 ในประวัติศาสตร์ได้สำเร็จ หลังจากรอมานานถึง 36 ปี

นอกจากนี้ จากผลงานส่วนตัวที่ยอดเยี่ยมทำให้ เอมิเลียโน มาร์ติเนซ ได้รางวัลถุงมือทองคำสำหรับตำแหน่งผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม ในศึก ฟุตบอลโลก 2022 ซึ่งนี่ถือว่าเป็นบทพิสูจน์ที่ทำให้ทุกคนเห็นถึงความสามารถของเขาได้อย่างไม่มีข้อกังขา และรอวันที่จะย้ายไปสู่ทีมใหญ่อีกครั้ง เพราะกับสโมสรต้นสังกัดปัจจุบันอย่าง “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลลา ดูจะเล็กไปแล้วสำหรับเขา