จบดราม่า-พับแผน ‘ยูโรเปี้ยน ซุปเปอร์ลีก’
วงการฟุตบอลมีเรื่องใหญ่ให้ต้องติดตามกันแบบไม่คลาดสายตาใน 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา เมื่อยักษ์ใหญ่ใน 3 ลีกของยุโรป รวม 12 ทีม ร่วมกันก่อตั้งทัวร์นาเมนต์แข่งขันใหม่ชื่อว่า ยูโรเปี้ยน ซุปเปอร์ลีก
การก่อตั้งครั้งนี้สร้างความไม่พอใจให้กับบรรดาสโมสรอื่นๆ นักเตะ แฟนบอล รวมทั้ง สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ที่ได้รับผลกระทบไปเต็มๆ เพราะเป็นการแข่งขันที่มาเป็นคู่แข่งของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และยูโรป้าลีก ซึ่งเป็นแหล่งรายได้มหาศาลของยูฟ่า
12 สโมสรที่ร่วมก่อตั้ง ได้แก่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เชลซี, อาร์เซน่อล, ท็อตแนม ฮอตสเปอร์, รีล มาดริด, บาร์เซโลน่า, แอตเลติโก้ มาดริด, เอซี มิลาน, อินเตอร์ มิลาน, ยูเวนตุส ล้วนเป็นทีมชั้นนำของยุโรป และเคยเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกมาเกือบหมดแล้ว ที่สำคัญ 8 จาก 12 สโมสรเคยได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รวมกันถึง 40 สมัย ยังมีอีก 3 สโมสรที่ยืนยันเข้าร่วมแล้ว แต่ยังไม่มีการเปิดเผยชื่อ
ต้นสายปลายเหตุที่มีการรวมหัวกันตั้งทัวร์นาเมนต์ขึ้นมานั้น มาจากการที่สโมสรฟุตบอลทั่วยุโรปได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างหนัก การเงินของสโมสรสั่นคลอน ต้องหาเงินมาอุดรูรั่วที่เสียไปกันตลอด 1 ปีกว่าๆ แต่ยูฟ่าในฐานะเจ้าของการแข่งขันแชมเปี้ยนส์ลีก ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ แถมยังเก็บรายได้จากการแข่งขันเข้ากระเป๋าได้เหมือนเดิม
รายได้รวมของแชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาล 2019-2020 ทั้งสิ้น 3,250 ล้านยูโร (120,250 ล้านบาท)
หักลบค่าบริหารจัดการต่างๆ แล้ว 295 ล้านยูโร (10,915 ล้านบาท) เงินรายจ่ายในเรื่องกองทุนสำรอง 227.5 ล้านยูโร (8417.5 ล้านบาท) ทำให้เหลือรายได้ 2,730 ล้านยูโร (101,010 ล้านบาท) หลังจากนั้นก็เพิ่ม 6.5 เปอร์เซ็นต์จะเก็บเข้าคลังของยูฟ่า ส่วนอีก 93.5 เปอร์เซ็นต์เป็นเงินชดเชย เงินรางวัล และเงินสนับสนุนทีมต่างๆ คิดแล้วจะอยู่ที่ 2,550 ล้านยูโร(94,350 ล้านบาท)
2,040 ล้านยูโร (75,480 ล้านบาท) จะแบ่งให้ทีมต่างๆ รวมทั้งเงินรางวัล นับเฉพาะยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และยูฟ่า ซุปเปอร์คัพ ส่วนอีก 510 ล้านยูโร (18,870 ล้านบาท) เป็นส่วนแบ่งให้ทีมในยูโรป้าลีก
ส่วนรายได้ของทีมแชมป์จะได้เงินรางวัลสะสมมาเรื่อยๆ ตั้งแต่รอบแรก (หรือบางทีมอาจจะมาจากรอบคัดเลือก) เช่น รอบแบ่งกลุ่มจะได้รับ 15.25 ล้านยูโร (564.25 ล้านบาท) ในเบื้องต้น ถ้าชนะหรือเสมอจะมีเงินให้อีก ชนะได้รับแมตช์ละ 2.7 ล้านยูโร (99.9 ล้านบาท) เสมอ 900,000 ยูโร (3.3 ล้านบาท)
เงินรางวัลสูงสุดที่ทีมแชมป์ในฤดูกาลที่แล้วรวมถึงฤดูกาลนี้จะได้รับอยู่ที่ 82.4 ล้านยูโร (3,048.8 ล้านบาท) ส่วนเงินรายได้ที่ยูฟ่าจะได้รับอยู่ที่ 180 ล้านยูโร หรือ 6,480 ล้านบาท
12 สโมสรมองว่าตัวเองลงทุนสูงมากในการทำทีม แต่กลับได้ส่วนแบ่งใกล้เคียงกับสโมสรระดับรองลงไป ซึ่งไม่สมน้ำสมเนื้อ แถมเงินก้อนโตก็เข้ากระเป๋าของยูฟ่า จึงได้ร่วมกันหาแนวทางที่จะทำให้สโมสรมีรายได้มากขึ้น โดยไม่ต้องไปหารให้กับยูฟ่าและสโมสรที่ไม่ได้ดึงดูดแฟนบอล ท้ายที่สุดก็มียูโรเปี้ยน ซุปเปอร์ลีก เป็นคำตอบ
กระแสข่าวรายงานว่า ทีมที่แข่งขันซุปเปอร์ลีกจะได้รับเงินทันที 400 ล้านยูโร (14,800 ล้านบาท) และถ้าผ่านเข้ารอบลึกๆ หรือคว้าแชมป์ก็จะมีรายได้เพิ่มอีก ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเงินที่มากกว่าการได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รายการที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปถึง 4 เท่า
ด้านรูปแบบการแข่งขัน จะมีทั้งหมด 20 ทีม โดย 12 ทีมที่ร่วมก่อตั้ง และอีก 3 ทีมที่ยังไม่เปิดเผยชื่อจะเป็นตัวหลัก อีก 5 ทีมจะมาจากการคัดเลือก หลังจากได้ครบ 20 ทีม จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 10 ทีม แข่งขันแบบเหย้า-เยือน พบกันหมด ใช้เวลาช่วงกลางสัปดาห์ไปแข่งขันเหมือนที่เคยเตะแชมเปี้ยนส์ลีก หรือยูโรป้าลีก
หลังจากจบรอบแบ่งกลุ่ม จะนำทีมอันดับ 1-3 ของทั้ง 2 กลุ่ม เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ส่วนอีก 2 ทีม จะให้ทีมอันดับ 4-5 ของ 2 กลุ่ม เพลย์ออฟ เข้าไปเล่นในรอบ 8 ทีมในระบบน็อกเอาต์กันต่อไป
เมื่อมีการเปิดเผยรายละเอียดออกมา ทำให้ยูฟ่าออกมาขู่ทันทีว่า นักเตะที่ไปร่วมสังคายนากับยูโรเปี้ยนซุปเปอร์ลีก จะถูกห้ามลงแข่งขันในรายการต่างๆ ที่ยูฟ่า และ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) รับรอง โดยเฉพาะฟุตบอลโลกและฟุตบอลยูโร รวมทั้งจะมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากสโมสรต่างๆ ที่ร่วมก่อตั้งด้วย
ส่วนตำนานนักเตะ นักเตะยุคปัจจุบัน แฟนบอล และโค้ชจำนวนมากต่างออกมาต่อต้านไอเดียนี้ เพราะมองว่าคนรวยรวมตัวกันหาเงินเข้ากระเป๋า แล้วทิ้งเพื่อนที่กอดคอกันมาไว้ข้างหลัง ทรยศความจงรักภักดีและการสนับสนุนของแฟนบอลที่อยู่กับทีมมาตลอด ทุกคนต่างฝันอยากเห็นทีมของตัวเองก้าวไปเป็นแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกกันทั้งนั้น แต่กลับเลือกจะแยกวงไปแข่งขันในรายการที่รวมหัวตั้งขึ้นมาเอง เพื่อรายได้ที่มากกว่า โดยไม่สนใจว่าทีมอื่นๆ ร่วมลีกจะเป็นอย่างไร ต้องเสียเปรียบจากการไม่ได้มีรายได้เหมือนทีมที่ไปเตะรายการใหม่นี้หรือไม่ ความหวัง ความฝันของแฟนบอล รวมทั้งนักเตะดาวรุ่งที่อยากเข้าไปมีส่วนร่วมทั้งในฐานะกองเชียร์ หรือนักเตะในสักวันหนึ่ง ก็พังทลายลงเช่นกัน จึงได้มีการเรียกร้องทั้งในเชิงสัญลักษณ์ และการวิจารณ์โดยตรงให้ยุติยูโรเปี้ยน ซุปเปอร์ลีกนี้ทันที
หลังจากที่ถูกกดดันมา 2 วันเต็มๆ 6 สโมสรจากอังกฤษก็ทยอยประกาศถอนตัวจากยูโรเปี้ยนลีกกันเรื่อยๆ ทำให้เหลือเพียง 6 สโมสรในอิตาลีและสเปนรวมกันเท่านั้น หลังจากนั้นแอตเลติโก้ มาดริด ก็ถอนไปอีกทีม ทำให้ยูโรเปี้ยน ซุปเปอร์ลีก น่าจะต้องพับแผนไปโดยปริยาย เพราะถึงแม้ทีมที่เหลือยังไม่ถอนตัว แต่การขาดทีมบิ๊กเนมจากอังกฤษแบบนี้ ความน่าสนใจก็คงน้อยลงไปมากๆ
ถือว่าเป็นการจบดราม่าที่เร็วกว่าคิดไว้ เพราะแกนนำการตั้งทัวร์นาเมนต์ใหม่อย่าง ฟลอเรนติโน่เปเรซ ประธานสโมสรรีล มาดริด ออกมากล่าวอย่างแข็งกร้าวตลอด 48 ชั่วโมงที่ผ่านมาว่า ถ้าฟีฟ่า หรือยูฟ่าแบนนักเตะและสโมสรในซุปเปอร์ลีกจากฟุตบอลโลก หรือยูโร พวกเขาก็พร้อมที่จัดการแข่งขันรายการแบบนี้ขึ้นมาอีก
แต่ก็ได้แค่คิด เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นจริงในเร็วๆ นี้ และรอดูกันว่าแกนนำก่อตั้งยูโรเปี้ยน ซุปเปอร์ลีกทั้งหลายจะโดนเล่นงานอะไรกันบ้าง
เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า สิ่งสำคัญที่สุดของฟุตบอลไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เป็นการสนับสนุน และความรักที่ไร้เงื่อนไขของแฟนบอล ที่ทำให้ฟุตบอลเกิดขึ้น เติบโต และอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้