เขาคือนักเตะที่ได้รับฉายา “มิสเตอร์ไทยลีก” จากการคว้าแชมป์ลีก 5 สมัย และมาตรฐานฝีเท้าที่ยอดเยี่ยมจนถึงวันอำลาสนาม
บีอีซี เทโรศาสน คือมหาอำนาจลูกหนังไทยในอดีตที่สร้างนักเตะไทยขึ้นมาประดับวงการมากมาย หนึ่งในนั้นคือ รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค ที่สร้างชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในฐานะผู้เล่น “มังกรไฟ”
“โค้ชอ้น” รังสรรค์ เลือกเดินเส้นทางฟุตบอลบ่มเพาะฝีเท้ามาตั้งแต่วัยเด็ก โดยเป็นผลผลิตจากโรงเรียนพณิชยการราชดำเนิน อดีตมหาอำนาจลูกหนังขาสั้นชื่อดัง ก่อนจะไต่ระดับขึ้นมา และติดทีมชาติ หนแรกรุ่นอายุ 19 ปี เคยเล่นกับ สโมสรตลาดหลักทรัพย์ ก่อนจะประเดิมฟุตบอลอาชีพเต็มตัวกับ บีอีซี เทโรศาสน ในปี 1999 เขาเล่นได้ทั้งแบ็คซ้าย ปีกซ้าย กองกลาง โดยยุคนั้นเอกลักษณ์ของเขาเป็นที่จดจำของแฟนบอลได้ดีกับภาพของเด็กหนุ่มผมยาวสีทองกับลีลาการเล่นไม่ธรรมดา และผลงานยอดเยี่ยมเมื่อช่วยทีมคว้าแชมป์ไทยลีก สมัยแรกของตนเองในปี 2000
Editor Picks
- โปรแกรมถ่ายทอดสดฟุตบอล – ดูบอลสดคืนนี้ (พรีเมียร์ลีก, ไทยลีก, ลาลีกา, บุนเดสลีกา, แชมเปี้ยนส์ลีก, ฯลฯ)
- แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถ่ายช่องไหน? วิธีดูแมนฯ ยูฯ พบเบิร์นลีย์
- ลิเวอร์พูล ถ่ายช่องไหน? วิธีดูลิเวอร์พูล พบลีดส์ ยูไนเต็ด
- ดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก 2020-21
จากนั้นเขาย้ายจาก บีอีซี เทโรฯ ไปอยูกับ ธนาคารกรุงไทย ตามด้วย อดีตสองสโมสรชื่อดังของไทยอย่าง พนักงานยาสูบ ก่อนจะกลับมาช่วยธนาคารกรุงไทย คว้าแชมป์ไทยลีกถึงสองสมัยในปี 2003 และ 2004 เส้นทางค้าแข้งของเขาในเวลานั้นมีขึ้นมีลง โดยย้ายไปเล่นกับ ธนาคารกรุงเทพ ก่อนต่อมาจะโกอินเตอร์ได้รับโอกาสบินไปค้าแข้งต่างแดนหนแรกกับ เกย์ลัง ยูไนเต็ด ในศึกเอสลีก สิงคโปร์ ยุครุ่งเรือง
ต่อมา รังสรรค์ หอบประสบการณ์ 1 ปี ทั้งฟุตบอล และการใช้ชีวิตที่สิงคโปร์กลับมาเมืองไทยอีกครั้ง เพื่อเซ็นสัญญากับ บุรีรัมย์ พีอีเอ ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตนักฟุตบอลของเขาเมื่อเริ่มสานต่อตำนานความยิ่งใหญ่ของตนเองที่นั่น
หลังย้ายมาร่วมทีมไม่นาน รังสรรค์ มีส่วนสำคัญช่วยทีมเป็นแชมป์ไทยลีก ทันที เขายังรักษามาตรฐานการเล่นได้ยอดเยี่ยมบวกกับความเป็นผู้น้ำที่มีอย่างเต็มเปี่ยม รังสรรค์ เป็นที่รักแฟนบอล และเพื่อนร่วมทีม ทุกอย่างไปได้สวยพร้อมกับผลงานที่ทำให้ชื่อของ บุรีรัมย์ ยิ่งใหญ่กว่าเดิมเมื่อคว้าแชมป์ไทยลีกสมัยที่ 2 ของสโมสร และถือเป็นแชมป์ไทยลีก สมัยที่ 5 ของตนเอง จนถูกยกยองฉายา “มิสเตอร์ไทยลีก” เมื่อเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่คว้าแชมป์มากที่สุดในประวัติศาสตร์
ที่ บุรีรัมย์ รังสรรค์ เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของสโมสร เขาเป็นผู้เล่นที่เป็นแบบอย่างให้กับแข้งรุ่นน้องอยู่เสมอ ผลงานในสนามอาจตอบในเรื่องความสามารถ และสิ่งที่วัดความสำเร็จ แต่ทัศนคติ วิถีความเป็นมืออาชีพของเขาคือตัวชี้วัดว่า นี่คือนักเตะที่ดีที่สุดคนหนึ่งในวงการลูกหนังไทย
หลังพา ปราสาทสายฟ้า สานต่อความยิ่งใหญ่ รังสรรค์ ตัดสินใจอำลา บุรีรัมย์ ย้ายกลับกรุงเทพฯในปี 2012 โดยเซ็นสัญญากับ บีอีซี เทโรศาสน อดีตต้นสังกัดเก่าที่เขาเคยสร้างชื่อ การกลับสู่รั้ว “มังกรไฟ” รังสรรค์ กลับมาในฐานะพี่ใหญ่ของทีม และเป็นยุคที่ เทโร อุดมไปด้วยดาวรุ่งฝีเท้าเยี่ยมทั้ง ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, อดิศร พรหมรักษ์ ฯลฯ ที่ต่อกลายเป็นส่วนผสมสุดลงตัวช่วยให้ เทโร ผงาดคว้าแชมป์โตโยต้า ลีก คัพ 2014 ซึ่งถือเป็นแชมป์แรกในรอบ 12 ปี ของสโมสรอีกด้วย
ขณะเดียวกันช่วงเวลานั้น รังสรรค์ ถูกแต่งตั้งรับตำแหน่งกุนซือรักษาการในปี 2015 ช่วงสั้นๆ ก่อนที่ปีถัดมาจะย้ายไปอยู่กับ สุพรรณบุรี เอฟซี ซึ่งเป็นช่วงบั้นปลายชีวิตค้าแข้ง และตัดสินใจแขวนสตั๊ดกับทีมในปี 2017 บนวัย 38 ปี โดยขณะนั้นเขาเรียนรู้งานโค้ชไปด้วยในตัว กระทั่ง 2017 รังสรรค์ ย้ายกลับสู่บ้านหลังเก่า บีอีซี เทโรฯ ที่เปลี่ยนชื่อเป็น โปลิศ เทโร เอฟซี และเริ่มต้นจากเป็นโค้ชทีมบีของ มังกรโล่เงิน
รังสรรค์ ได้รับการแต่งตั้งนั่งรักษาการแทน สก็อต คูเปอร์ ที่แยกทางกับทีม รวมถึงเคยเป็นผู้ช่วยโค้ชแบน ธชตวัน ศรีปาน แต่ทีมต้องตกชั้นในปี 2018 อย่างไรก็ โค้ชอ้น สามารถพาทีมเลื่อนชั้นกลับมาได้อีกครั้ง
ในปีเดียว ในฐานะรองแชมป์ไทยลีก 2 แต่ฤดูกาล 2020/21 กลายเป็นอีกปีที่ยากลำบาก เพราะ โปลิศ เทโรฯ ต้องดิ้นรนหนีตกชั้น แต่เขาก็ยังสามารถช่วยทีมอยู่รอดปลอดภัยในที่สุด
ปัจจุบัน รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค ยังคงได้รับความไว้วางใจจากบอร์ดสโมสร โปลิศ เทโร เอฟซี ให้อยู่คุมทีมต่อไป แม้ผลงานการเป็นโค้ชอาจยังไปไม่สวยนัก แต่ในฐานะนักเตะ ปฏิเสธไม่ได้ว่า เขาคือนักเตะไทยลีกที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งกับผลงาน 5 แชมป์ลีกกับ 3 สโมสร และยังเป็นตำนานที่มีลมหายใจจนถึงวันนี้