ใครที่เป็นสาวก “เดอะ ค็อป” ที่เชื่อในเรื่องโชคชะตาฟ้าลิขิต คุณอาจจะรู้สึกว่านี่คือลิขิตสวรรค์ที่อาจจะทำให้ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ประสบความสำเร็จในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2020/2021 หลังจากที่มีหลายๆ เหตุการณ์ที่ดูเหมือน “เดจาวู” กับเมื่อปี 2005 !!
ผลการจับสลากในรอบก่อนรองชนะเลิศ หรือรอบ 8 ทีมสุดท้าย “เดอะ เร้ดส์” มีคิวปะทะฝีเกือก “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ซึ่งนี่จะเป็นครั้งแรกที่สองยักษ์ใหญ่แห่งวงการลูกหนังยุโรป ได้ประลองฝีมือกันนับตั้งแต่ที่ได้ฟาดฟันกันมาในรอบชิงชนะเลิศเมื่ปี 2018
การผ่านเข้ารอบนี้เป็นการปลุกความทรงจำของเหล่าพลพรรคผู้รัก “หงส์แดง” เมื่อปี 2005 ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปตามพรหมลิขิต ลิเวอร์พูล อาจจะมีโอกาสได้พบกับ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี (จับสลากพบ ปอร์โต้ ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย) ในรอบตัดเชือกก็ได้
ที่คิดแบบนั้นเพราะตามโปรแกรมแล้วหาก ลิเวอร์พูล สามารถผ่านทีมของกุนซือซีเนดีน ซีดาน ไปได้ และ เชลซี สอย ปอร์โต้ นั่นจะทำให้พวกเขาจะได้เจอกันในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งเหมือนกับเมื่อฤดูกาล 2004/2005 ที่ ลิเวอร์พูล ในยุค ราฟาเอล เบนิเตซ เขี่ย “สิงห์บลูส์” ของ โชเซ่ มูรินโญ่ ตกรอบนี้
จากนั้นเราๆ ท่านๆ โดยเฉพาะสาวก “เดอะ ค็อป” คงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในนัดชิงชนะเลิศ ซึ่งพวกเขาสร้างปาฏิหาริย์คัมแบ็กจากที่ตามหลัง 0-3 ในครึ่งแรก ก่อนที่จะไล่ตีเสมอในครึ่งหลัง และเอาชนะจุดโทษ เอซี มิลาน ส่งให้ทีมคว้าแชมป์ถ้วยใบโตยุโรปสมัยที่ 5 อย่างยิ่งใหญ่
สิ่งที่ดูเหมือนเป็นพรหมลิขิตอีกเรื่องที่ทำให้แฟนบอล ลิเวอร์พูล รู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษเนื่องจากในฤดูกาลนี้ นัดชิงชนะเลิศ จะแข่งกันที่สนามอตาเติร์ก โอลิมปิก สเตเดี้ยม ในกรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี ซึ่งเป็นสนามเดียวกับในชิงเมื่อปี 2005
ยังไม่หมดแค่นั้นเพราะมีเหตุการณ์ที่ราวกับเป็นเดจาวู อีกหลายเรื่องอย่างเช่นในปี 2021 กับ 2005 พวกเขาสามารถเอาชนะสโมสรจากประเทศเยอรมนี ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย
โดยเมื่อปี 2005 ทีมของเบนิเตซ ทำผลงานได้อย่างสุดยอดในการปราบ “ห้างขายยา” ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ในขณะที่ซีซั่นนี้ทีมของคล็อปป์ สอย แอร์เบ ไลป์ซิก แถมในฤดูกาล 2018/2019 “หงส์แดง” ก็ชนะ บาเยิร์น มิวนิค ในรอบนี้เช่นกัน และทะลุไปคว้าแชมป์ด้วย
สิ่งที่เป็นพรหมลิขิตที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นก็เกิดขึ้นและเป็นประเด็นที่สำคัญซะด้วย เพราะนี่เป็นครั้งแรกในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่จะไม่มี ลิโอเนล เมสซี่ กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลงเล่นในรอบ 8 ทีมสุดท้าย นับตั้งแต่เมื่อปี 2005 อะไรมันจะเหมาะเจาะลงตัวขนาดนี้ !!!
นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์ที่สนับสนุนเกี่ยวกับพรหมลิขิตบันดาลชักพาสำหรับ “หงส์แดง” อีกเรื่องนั่นก็คืออันดับในพรีเมียร์ลีก เพราะในซีซั่น 2005/2006 เกิดเรื่องสลับซับซ้อนในถ้วยใบโตยุโรปเมื่อ ลิเวอร์พูล หลุดท็อปโฟร์ในฤดูกาลนั้น แต่สุดท้ายพวกเขาได้ตั๋วไปลุยโทรฟี่ “หูกาง” หลังทีมได้แชมป์ที่อิสตันบูล
สถานการณ์ในฤดูกาลนี้ของ ลิเวอร์พูล ไม่ต่างอะไรกับเมื่อซีซั่นดังกล่าว เพราะทีมตกไปอยู่อันดับ 6 ตามหลัง เชลซี อันดับ 4 ถึง 5 คะแนน โดยเหลือโปรแกรมต้องลงแข่ง 9 นัด มีโอกาสสุ่มเสี่ยงที่จะพลาดท็อปโฟร์ แต่พวกเขาจะได้กลับไปเล่นในถ้วยใบโตยุโรปแบบอัตโนมัติหากได้แชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลนี้
ลองคิดดูว่ามันเป็นไปได้ยังไงสำหรับเรื่องนี้ เพราะ “เดอะ เร้ดส์” เคยเสียอันดับท็อปโฟร์ให้กับ เอฟเวอร์ตัน ในยุคของ เดวิด มอยส์ เมื่อปี 2005 และในซีซั่นนี้ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เป็นหนึ่งในทีมที่กำลังแย่งโควตาแชมเปี้ยนส์ ลีก เช่นเดียวกับ เวสต์แฮม ที่ปัจจุบันมี มอยส์ กุมบังเหียน ก็คั่วท็อปโฟร์เช่นกัน
จากเหตุการณ์หลายๆ อย่างที่ค่อนข้างจะประจวบเหมาะราวกับพรหมลิขิต คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีแฟนบอลอาจจะคิดเข้าข้างตัวเองว่า ลิเวอร์พูล มีสิทธิ์จบซีซั่นนี้ในฐานะแชมป์ “บิ๊กเอียร์” สมัยที่ 7 ก็ได้ ใครจะไปรู้ !!
ทอมเม้ง
Add friend ที่ @Siamsport